ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

อยากสอบถามค่ะ
รายละเอียด
เรื่องของหนูไม่ใช่ปัญหาชีวิตค่ะ หนูเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่สนใจศึกษาธรรมะ แต่ไม่รู้จะไปถามข้อสงสัยได้ที่ใคร ขอสอบถามจากพระอาจารย์นะคะ
ความต้องการ
1.ทุกวันนี้หนูเห็นว่ามีพระภิกษุหลายรูปที่ประพฤติไม่เหมาะสม เช่น ฉ้อโกงเงินทอนวัด หลับนอนกับสีกา กรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อพระภิกษุผู้กระทำอย่างไรบ้างคะ 2.จากข้อหนึ่ง ทำให้หนูมีความรู้สึกไม่กล้าศรัทธาต่อพระภิกษุแม้จะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ค่ะ หนูควรใช้อะไรน้อมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจดีคะ และเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่ว่านี้จัดเป็นการยึดมั่นถือมั่นหรือเปล่าคะ? 3.มีวิธีตัดความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและทิฐิมานะอย่างไรบ้างคะ รอบตัวหนูมีทั้งการแข่งขัน และสิ่งล่อตาล่อใจมากเหลือเกินค่ะ 4.หนูมักจะทาแป้ง แต่งหน้าบางๆไปรร.(เรียนหนักจนโทรมค่ะTT) แต่ก็ทำให้คิดว่ามันเหมือนเป็นการหลงรูปหรือเปล่า แต่พี่ๆที่ปฏิบัติทำที่เคยเห็นก็แต่งหน้ากันนะคะ อยากรู้ว่าในส่วนนี้ควรมีแนวทางในการคิดหรือปฏิบัติอย่างไรคะ 5.การมอบความรักความเมตตาให้ต่อผู้ที่เกลียดเราจะมีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากันคะ เป็นเรื่องที่ควรทำรึเปล่าคะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
ชื่อผู้ถาม
กอไผ่
วันที่เขียน
24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 20:43:44
จำนวนคนเข้าดู
1059

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1.ทุกวันนี้หนูเห็นว่ามีพระภิกษุหลายรูปที่ประพฤติไม่เหมาะสม เช่น ฉ้อโกงเงินทอนวัด หลับนอนกับสีกา กรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อพระภิกษุผู้กระทำอย่างไรบ้างคะ ตอบ ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ตำแหน่ง ฐานะ ภาวะอะไร ทำดีได้ ทำชั่วได้ ใครทำเหตุอย่างใดไว้ ก็จะได้ผลตามนั้น เราไม่มีความสามารถไปทำให้ใครดีได้ นอกจากตัวเขาเองเท่านั้น เรื่องพระที่ว่ามานั้น ทำแบบนั้น เขาจะได้ผลที่เลวร้ายแน่นอน แต่เมื่อไหร่ อย่างไร เราอย่าเสียเวลาสนใจเลย ถ้าเราไม่มีส่วนในการจัดการแก้ไขอะไร ก็คงต้องห่างออกมาก่อน หรือแจ้งเรื่องไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่เขาจะไปแก้ปัญหาไหม จะได้ผลไหมนั้น บางทีก็ยาก เขาเหล่านั้นจะได้รับผลกรรมอะไรอย่างไรหรือไม่ ไม่ต้องไปสนใจ เพราะชีวิตของเราสำคัญกว่า 2.จากข้อหนึ่ง ทำให้หนูมีความรู้สึกไม่กล้าศรัทธาต่อพระภิกษุแม้จะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ค่ะ หนูควรใช้อะไรน้อมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจดีคะ และเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่ว่านี้จัดเป็นการยึดมั่นถือมั่นหรือเปล่าคะ? ตอบ พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติถูก มีอยู่ แต่การที่เขาดี นั่นก็เป็นความดีของเขา ไม่ใช่ของเรา ไม่เกี่ยวกับเรา การที่เขาทำไม่ดี นั่นก็เรื่องของเขา ไม่ใช่เรา บาปอกุศล/บุญกุศลเป็นเรื่องของใครมัน ใครทำอย่างใด ก็จะได้อย่างนั้น ไม่สามารถทำแทนกันได้ ถ้าเราไม่สบายใจเรื่องพระสงฆ์ เราก็มาเน้นศึกษาพระธรรมให้มาก ไม่ทิ้งธรรม แล้วเราจะเข้าใจว่า ทุกชีวิตก็มีโอกาสทำผิดทำพลาดทั้งนั้น ไม่ว่าใคร เราจะไปกะเกณฑ์ให้ใครเป็นอย่างไรนั้น เป็นเรื่องยาก ให้คิดเสียว่า กรรมใครกรรมมัน จะดีกว่า เน้นที่ตัวเราให้เข้าใจธรรมดีกว่า 3.มีวิธีตัดความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและทิฐิมานะอย่างไรบ้างคะ รอบตัวหนูมีทั้งการแข่งขัน และสิ่งล่อตาล่อใจมากเหลือเกินค่ะ ตอบ ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิ ฝึกสติภาวนาตลอดเวลา ทุกสิ่งอย่างที่เป็นสังขาร มันก็แค่ปรากฎชั่วคราว ไม่นานก็เปลี่ยนแปลง สลาย หายไป ต้องจากกันไป ไม่ว่าเราจะรักสิ่งนั้นแค่ไหน หวงแหนแค่ไหน ไม่วันใดวันหนึ่ง มันก็จะต้องจากเราไป หรือเราจากมันไปอยู่ดี การแข่งกัน ให้ดูเป็นเรื่อง ๆ แข่งในเชิงสร้างสรรค์ได้ สิ่งล่อตาล่อใจ เราต้องรู้ให้ทัน บางอย่าง สวยงามดูดี แต่นั่นมันอาจผิวเผิน เราอาจเข้าใจผิด หลงได้ อย่าไปแย่งอะไร/แย่งใครกับใคร อย่าไปคิดอวดโชว์อะไรใคร อย่าไปคิดข่มหรือยกตัวเองเหนือใคร อยู่ของเรา ทำหน้าที่ของเราให้เป็นปกติตามกำลังความสามารถของเรา นี่ดีที่สุดแล้ว 4.หนูมักจะทาแป้ง แต่งหน้าบางๆไปรร.(เรียนหนักจนโทรมค่ะTT) แต่ก็ทำให้คิดว่ามันเหมือนเป็นการหลงรูปหรือเปล่า แต่พี่ๆที่ปฏิบัติทำที่เคยเห็นก็แต่งหน้ากันนะคะ อยากรู้ว่าในส่วนนี้ควรมีแนวทางในการคิดหรือปฏิบัติอย่างไรคะ ตอบ การรักษาหน้าตา สุขภาพร่างกายเป็นปกติของคนเรา เราต้องทำเพื่อสุขอนามัยที่ดี ร่างกายจะได้พร้อมสำหรับทำงานหรือสร้างสรรค์อะไรต่าง ๆ การไม่รักษาสุขภาพนั่นแหละ แย่กว่า การยึดติดหรือไม่ มันอยู่ที่เรารู้ตัวไหมว่า เราทำอะไร เพื่ออะไร 5.การมอบความรักความเมตตาให้ต่อผู้ที่เกลียดเรา จะมีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากันคะ เป็นเรื่องที่ควรทำรึเปล่าคะ ตอบ ความรัก ความเมตตา เราต้องมอบให้ทุกคน ไม่ว่าจะเกลียดหรือชอบ หรือเฉย ๆ มีผลดีกับเราเองนี่แหละ เพราะใจเราจะสบาย เบา ไม่มีศัตรู ความเมตตานั้น เป็นธรรมะที่เราปลูกขึ้นได้ในใจของเรา จิตที่มีเมตตา จะปลอดภัยแคล้วคลาดจากอันตรายต่าง ๆ เสมอ คนที่มีเมตตาเป็นธรรมะประจำตน จะนอนหลับสบาย เป็นสุข การรักและเมตตา ไม่ได้หมายถึงว่า จะต้องทุ่มเทสิ่งของต่าง ๆ ให้เขา เราช่วยเขาได้ ตามกำลังความสามารถและความเหมาะสม ไม่ใช่ทุ่มทุกอย่างจนตัวเองหมดตัว ----------- ฝึกตัวเองตามนี้ ชีวิตของเรา ไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี ก็เป็นบทเรียนให้คนอื่นได้ ชีวิตคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านไม่ดี ก็เป็นบทเรียนให้เราได้ มันอยู่ที่ว่า เรารู้จักมองไหม เขาคนนั้นรู้จักมองไหม ตา มองให้เห็นจริง หู ฟังให้ได้ยินจริง ร่างกายสัมผัส ให้รู้จริง ๆ ธรรมะมีอยู่ทุกที่ ทุกลมหายใจเข้าออกของคนเรา ธรรมะ เป็นของฟรี ไม่ต้องซื้อ ขายให้กันไม่ได้ แค่เราใช้จิตของเราลงทุน ตั้งใจ ฝึกหัดและสร้างมันขึ้นมาในจิตของเรา คนอื่นยกธรรมะให้เราไม่ได้ ไม่มีใครสร้างธรรมะให้ใครได้ เราต้องฝึกเองทำเอง เหล่านี้คือธรรมะ สติ รู้ตัวจริงทุกขณะ ทุกอิริยาบถ สมาธิ ตั้งมั่นจริง ปัญญา รู้จริง วิริยะ ลุยทำจริง ขันติ อดทนได้จริง เมตตา รักชีวิตอื่นจริง กรุณา ช่วยเหลือชีวิตอื่นจริง มุทิตา ชื่นชมชีวิตอื่นจริง อุเบกขา ยึดหลักเที่ยงธรรมได้จริง แต่ละวัน ฝึกจิตตัวเอง ให้มั่นคง คล่องแคล่ว ว่องใจ แจ่มใสในธรรมะ ฝึกจิตให้เป็นอิสระ ไม่ให้จิตเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ " ความเหงา เศร้า ว้าเหว้ ซึม ท้อแท้ เสียใจ น้อยใจ เครียด แค้น เคือง จองเวร ผูกเวร คับแค้น โกรธ หงุดหงิด โมโห เก็บกด อิจฉา ริษยา เพ้อ ร้องไห้ คร่ำครวญ อยากตาย ไม่อยากอยู่ วิตก ฟุ้งซ่าน เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ มักมาก หลงติด เสพติด ยึดติด ถือตัว กระด้าง เกียจคร้าน มักง่าย ติดสบาย สำออย สำอาง" Print เอกสารนี้ ติดฝาห้อง แล้วอ่านทุกวัน ฝึกทุกวันทุกเช้าเย็น ทำต่อเนื่องไป 9 เดือนเป็นอย่างน้อย นี่คือวิธีการปรับเปลี่ยนระบบความคิดและพฤติกรรมของตนเอง ไปสู่ความก้าวหน้าและความสุขสูงสุดในชีวิต ดาวน์โหลด https://www.buddhisthotline.com/download/buddhisthotline-lifeway.pdf
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
25 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 01:41:24
คำตอบที่ 2
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
25 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 01:43:21
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร