ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เป็นหนี้
รายละเอียด
โยมเป็นหนี้ธนาคาร เมื่อก่อนมีชีวิตธรรมดาหาเช้ากินค่ำ พอได้รู้จักกับพี่สาวคนหนึ่งเขาแนะนำช่องทางหาเงินให้ ให้ลงทุนทำธุรกิจกับเขา ก็มีเงินขึ้นมา แล้วเขาต้องการความช่วยเหลือเพื่อตอบแทนบุญคุณโยมก็เลยไปกู้เงินแบงค์มาให้สุดท้ายเขาไม่จ่ายหนี้ให้เพราะธุรกิจที่เขาทำอยู่ประสบกับปัญหา ตอนนี้แบงค์ก็ตามทวงหนี้โยม โยมไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงก็เลยคิดจะฆ่าตัวตายเกือบทุกวันติดตรงที่ตอนนี้ตั้งครรภ์อยู่โยมคิดว่าคลอดลูกเดือนกุมภานี้ก็จะฆ่าตัวตาย ถ้าตายตอนนี้สงสารลูกที่อยู่ในท้องไม่ได้ลืมตาดูโลก เพราะที่ว่าบ้านที่อยู่และเงินที่ทำประกันไว้ก็จะทำให้ลูกและสามีสบายขึ้นไม่ต้องมีหนี้สินเพราะโยมทำประกันคำ้ประกันเงินกู้ไว้ถ้าโยมตายไปลูกหรือสามีก็ไม่ต้องแบกภาระหนี้สินต่อไป นมัสการขอบพระคุณค่ะ
ความต้องการ
อยากฆ่าตัวตายเพื่อที่ลูกจะได้มีเงินเรียนหนังสือมีบ้านอยู่จะได้ไม่ลำบาก
ชื่อผู้ถาม
สุดา
วันที่เขียน
30 ตุลาคม พ.ศ. 2556 18:27:35
จำนวนคนเข้าดู
15942

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1. เป็นหนี้เท่าไหร่ ถึง 2 ล้านล้านไหม ถ้าน้อยกว่า 2 ล้านล้าน อย่าท้อเลย มันเล็กน้อยมาก นิดเดียวเอง จะมากจะน้อยก็แค่หนี้ เงินหรือหนี้ เอามาทดแทนชีวิตเราไม่ได้ เทียบไม่ได้ ชีวิตมนุษย์มีค่ามากยิ่งกว่าเงินรวมกันทั้งโลกนี้ เป็นหนี้ ต้องใช้หนี้ อย่าหนี อย่าหลบหนี้ อย่าหนีเจ้าหนี้ 2. คุณเป็นหนี้ในระบบ มันง่ายมาก ง่ายกว่าไปกู้นอกระบบมา อันนั้น เขาอาจมาทำร้ายคุณเมื่อไหร่ก็ได้ แต่คุณอยู่ในระบบ ก็ไปเจรจากับธนาคาร ผ่อนปรน ผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมด 3. มีของอะไรบ้างในบ้าน มีทรัพย์สินอะไรบ้าง คุยกับคนในบ้านให้เข้าใจ อย่าหวง เอาไปขายมาใช้หนี้ก่อนได้ ทรัพย์สินอย่างอื่น หาใหม่ได้ 4. กับคุณพี่ที่รู้สึกเป็นบุญคุณ ก็คุยกับเขาว่า เขามีอะไรที่พอจะเอามาขายช่วยได้บ้างไหม บอกกันตรง ๆ กู้มาเท่าไหร่ ดอกเท่าไหร่ ต้องคุยกัน อย่าเกรงใจเกินไป เพราะเราแบกรับหนัก เขาก็จะเห็นใจและเข้าใจเรา เขาจะรู้สึกผิดมากเช่นกัน ถ้าคุณมาฆ่าตัวตายเพราะเรื่องแค่นี้ 5. หยุดคิดเรื่องฆ่าตัวตายเสีย เพราะทำบาปหนัก บาปนี้จะติดตามไปไม่รู้กี่ชาติภพ คิดเรื่องลูกให้ละเอียดให้มาก ๆ เด็กจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีคุณ คุณจะเอาอะไรมารับประกันว่า เมื่อไม่มีคุณแล้ว ลูกจะได้รับการดูแลอย่างดี เกิดสามีคุณไปมีแฟนใหม่ ลูกคุณจะสุขสบายอย่างที่คุณคิดเหรอ อย่าทิ้งปัญหาให้เด็ก อย่าสร้างปมด้อยให้เด็ก เราเป็นแม่คน ต้องเข้มแข็ง สู้กับชีวิตสิ ชีวิตคนเราเมื่อถึงวันตาย มันก็ตายเอง ไม่ต้องไปเร่งมันหรอก เงินที่จะได้จากประกันมันจะสักเท่าไหร่ ไม่คุ้มหรอกสำหรับลูกคุณ เขาต้องมีชีวิตอีกยาวนาน 50-60 ปี คุณมีอยู่ชีวิตอยู่ ทำตัวให้เป็นแบบอย่าง เข้มแข็งให้ลูกเห็น ทำกุศลให้ลูกเห็นไม่ดีกว่าหรือ มีชีวิตอยู่ให้ความอบอุ่นลูกดีกว่าจะหาเงินหมื่นล้านมากองไว้ให้ลูก 6. ตอนนี้คุณทำงานอะไรอยู่ ดูย้อนหลังไปว่า แต่ละเดือนมีรายได้เท่าไหร่ เมื่อไม่พอใช้หนี้ คุณต้องคิดหางานทำใหม่ หารายได้จากช่องทางใหม่ ๆ ค้าขายใหม่ ๆ แล้ว อย่าอาย อย่าแบกหน้าตา อย่าแบกชื่อเสียง อะไรที่มันสุจริตไม่ผิดศีลธรรมไม่ผิดกฎหมาย ทำไปเลย ไม่ต้องไปสนใจเสียงคนซุบซิบนินทา ต้องลุยต้องสู้ อย่ามัวรอคอยโชคชะตา อย่ารออภินิหาร อย่าไปทรงเจ้าเข้าผี ไม่ต้องไปล้างเคราะล้างซวยที่ไหนหรอก ลองหาลู่ทางดู ไม่มีรายได้อะไรที่จะพอกพูนได้รวดเร็วเท่าค้าขาย อย่าประมาทไป คนวิ่งรถขายก๋วยเตี๋ยว คนวิ่งขายน้ำชากาแฟ วัน ๆ เขาหาได้ราย 2000-3000 ก็มี แขกเดินขายถั่ววันละ 200 เดินกว่า 20 กม. ต่อวัน เขาก็ยังทำได้ 7. เราต้องคิดถึงด้านดีที่เรามี เช่น สุขภาพเรายังดี แข็งแรง สมองเรายังดี มีสามีดี มีครอบครัวดี มีห้องนอน ต้องคิดอ่านใช้ร่างกายนี้สร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดสิ สำหรับตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติ ไม่ใช่คิดฆ่าตัวตายเพื่อเอาเงินประกัน แบบนี้เขาเรียกว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์ เป็นคนคิดไม่ซื่อตรง อยากได้ในทางผิด ๆ เราต้องตรงไปตรงมาสิ อยากได้อะไรก็ทำตรงไปตรงมา อย่าใช้เล่ห์ใช้อุบายแบบนี้ เงินที่จะได้จากประกันคือเงินใคร คุณลองคิดให้ดี เงินนี้ไม่ใช่เงินบริษัทประกัน โดยที่แท้ มันคือเงินที่คนทำประกันทั้งประเทศเอามากองรวมกันไว้ แล้วเขายกให้สำหรับคนที่อยู่เงื่อนไขที่เหมาะสม พูดง่าย ๆ คุณกำลังคิดดูดเงินของคนอื่น ๆ นั่นเอง เราต้องเป็นสุภาพชนกว่านี้ เราจะรับเงินนี้ก็ต่อเมื่อเราอยู่ในเหตุผลที่เหมาะสมและถูกต้องเท่านั้น ไม่ใช่มาฆ่าตัวตายเพื่อให้ได้มันมา ไม่เป็นธรรมกับคนอื่น ๆ ที่เป็นเจ้าของเงินเลย เราต้องใจกว้าง คิดกว้าง ๆ คิดถึงคนอื่น ๆ ชีวิตคนอื่น ๆ 8. สวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน เจริญสติภาวนา แผ่เมตตาทุกวัน จะช่วยได้อย่างมาก ลองดู 9. อยากให้คิดเปรียบเทียบแบบนี้ (ขออภัย ถ้าหากคิดว่าแรงไป) แม่สุนัขจรจัดตัวผอม ๆ หิวโซ วิ่งหาของกินทั้งวันไม่มีอะไรกิน แต่มันก็ยังต้องวิ่งกลับมาเอานมเหี่ยว ๆ นั้นมาป้อนให้ลูกมัน ทำไมมันรักลูกมัน ทำไมมันไม่ทิ้งลูกมันไป เราเป็นมนุษย์ เราต้องทำได้ดีกว่าสุนัขสิ ต้องอดทนและเข้มแข็งกว่าสัตว์สิ ลองคิดดู 10. ไปฝึกเจริญสติภาวนาที่วัดนี้ พอกพูนสติ เสริมสร้างปัญญา สร้างกุศลให้ชีวิต ไปอยู่ปฏิบัติสัก 15 วันดูจะเป็นไร ไปทุกเดือนยิ่งดี http://bhaddanta01.blogspot.com/ 11. ฟังบทบรรยายนี้ทุก ๆ วัน http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143 โปรดเข้าใจว่า ถึงจะปรึกษาคน 1000 คน อ่านหนังสือ 1000 เล่ม ฟังธรรมะ 1000 ครั้ง ก็แทบไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่เอาจริงเอาจังปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง สาธุ ขอให้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีขันติ มีพลังเอาชนะความทุกข์ยากตรงนี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็น
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 09:58:53
คำตอบที่ 2
เรียนพระอาจารย์ โยมเป็นหนี้แบงค์ 30 ล้าน เมื่อได้อ่านคำตอบของพระอาจารย์น้ำตามันไหลออกมาเอง ที่คิดฆ่าตัวตายเพราะแบงค์เดี๋ยวนี้เขาจะบังคับให้ทำประกันชีวิตอยู่แล้วเพราะเขากลัวลูกหนี้ตายแล้วแบงค์จะไม่ได้เงินคืน ถ้าโยมตายไปเสียคนนึงคนข้างหลังอีก 4 ชีวิตก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนตัวของโยมเองคิดว่าถ้าโยมเสียคนในครอบครัวไปสักคนเพื่อแลกกับเงิน 30 ล้านโยมก็จะไม่เอาเงินพวกนั้นหรอกค่ะเพราะมันไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าต้องแลกกับคนที่โยมรัก โยมมีลูกอยู่ 2 คนและคนที่อยู่ในท้องเป็นคนที่ 3 ที่โยมคิดฆ่าตัวตายเพราะรักคนในครอบครัวมากเราเสียสละชีวิตของเราแล้วลูกสบายโยมก็ยอม โยมจะคิดและไตร่ตรองให้ดีว่าทางใหนคือทางออกที่ดีที่สุด นมัสการขอบพระคุณค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
สุดา
วันที่เขียน
31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 18:14:26
คำตอบที่ 3
เป็นกำลังใจให้ครับ ตามที่พระอาจารย์ 99 ได้กรุณาแนะนำไว้ ขอให้สู้นะครับ สำหรับเรื่อง “ถ้าโยมตายไปเสียคนนึงคนข้างหลังอีก 4 ชีวิตก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น” ที่บอกมานั้น อาจารย์มีความเชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดมากกว่าครับ ไม่มีใครที่ชีวิตดีขึ้นหรอกครับเป็นการคิดไปเองมากกว่า เพราะคิดจากบรรทัดฐานของเงิน ตีค่าชีวิตด้วยเงิน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง การที่คุณสุดาสร้างหนี้จากการค้ำประกันเป็นความผิดที่เราไม่รู้มาก่อนยังให้อภัยกันได้ แต่ความเข้าใจผิดด้วยการฆ่าตัวตายนี้ไม่น่าจะให้อภัยได้เลยครับ อย่าหนีความจริงเลยครับ ถ้ารักลูกและครอบครัวจริงต้องอยู่กับพวกเค้าซิครับ คุณสุดาเคยทราบบ้างหรือไม่ครับว่า ชีวิตครอบครัวที่เคยมีสมาชิกภายในบ้านฆ่าตัวตายนั้นเพื่อหวังเงินประกันนั้นเป็นอย่างไร ? คนที่เหลือยู่จะมีแต่ความทุกข์และเสี่ยงต่อภาวะโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะเด็กๆที่จะกลายเป็นปมชีวิตและมีแนวโน้มที่จะทำร้ายตัวเองต่อไปในอนาคต และสภาพจิตของเด็กในท้องของคุณสุดาคงซึมซับเอาความคิดด้านลบเข้าไปมากๆๆแล้วในตอนนี้ซึ่งเสี่ยงที่จะกระทบต่อตัวเค้าเหลือเกิน อาจารย์คัดลอกมาจากกรมสุขภาพจิต ให้ดูเป็นตัวอย่างเล็กน้อยครับ ดังนี้ "เมื่อมีคนในครอบครัวฆ่าตัวตาย จะทำให้เกิดบรรยากาศของความโศกเศร้าขึ้น ซึ่งความโศกเศร้านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพ สุขภาพกายและจิตใจ วัฒนธรรมและความสัมพันธ์กับผู้ตาย ในระยะแรกที่รู้ว่าคนในครอบครัวฆ่าตัวตาย ทุกคนจะเกิดความรู้สึกช็อค สับสน มึนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตามมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ร้องไห้ คร่ำครวญถึงคนตาย หมดเรี่ยวแรง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด นอนไม่หลับ โศกเศร้าเสียใจ ฝันถึงคนตาย เป็นต้น บางคนอาจจะมีความคิดโทษตนเองและความรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีหรือไม่ได้ทำสิ่งที่ดีให้กับคนตาย บางคนรู้สึกว่าต้องการตายตามไปด้วย บางคนอาจแสดงออกว่าไม่เชื่อว่าคนตายได้ตายไปแล้ว จะรู้สึกโกรธและต่อต้านความจริงที่เกิดขึ้น บางคนอาจจะมีอาการของโรคจิตเกิดขึ้นได้เพราะไม่สามารถยอมรับกับการสูญเสียนั้นได้ ถ้าคุณมีปัญหาในเรื่องนี้ สามารถโทรมาปรึกษาเราได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง " และสุดท้ายเงิน 30 ล้านที่ได้มาก็ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิงเพราะชีวิตของคนที่เหลืออยู่มันพังทลายไปแล้ว ลองดูชีวิตของคนที่เป็นหนี้หลายร้อยล้านดูซิครับว่าเขาสู้ผ่านมาได้อย่างไรตาม Link ด้านล่าง http://www.ram-rayong.com/1325 สู้เท่านั้น ที่จะชนะครับ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 399
วันที่เขียน
1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 10:47:11
ทั้งหมด 3 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร