ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ชีวิต
รายละเอียด
ชีวิตเราทำไมต้องมีเรื่องเครียด คือเรายุ่กะลูกกะแม่เรา พ่อของลูกกะเสียมา3ปีแล้ว 3ปีเรามานี่มีแต่ความทุกข์ใจกายตลอด ทำให้เราต้องหาทางออกคือเอารถไปจำ เพราะเราคิดว่าเราทำงานกะคงผ่อนเองได้ แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรุ้ .. แหละพอมาวันนึง อาของลูกเรา กะอยากให้เราลาออกมาดูแลลูก รับส่งลูก ไปเรียนพิเศษ แต่เราอยากทำงานใช้หนี้ หาตังใช้กิน แล้วอาเค้ากะบอกว่าจะขอเบิกใช้อะไรกะเบิกได้ แต่พอเข้าเดือนที่2 นี่ สรุปเหมือนเราไปขอทานเค้า เลย อ่ะ คือเราต้องใช้กิน ใช้ส่วนตัวเราบ้าง คือมันอึดอัด ด้วย เราต้องเลี้ยงทั้งแม่ทั้งลูก ชีวิต3ชีวิต
ความต้องการ
จะบอกเค้ายังไงอาเค้าถึงจะเข้าใจค่ะ..
ชื่อผู้ถาม
เมย์
วันที่เขียน
7 สิงหาคม พ.ศ. 2561 19:43:45
จำนวนคนเข้าดู
698

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ชีวิตคนเรา ถ้าบริหารจัดการไม่เป็น บริหารไม่ลงตัว ก็มีเรื่องให้เครียดได้ทั้งนั้น เพราะคน ต้องกิน ต้องเรียน ต้องจ่ายอะไรต่าง ๆ ความเครียดไม่ได้เกิดจากอะไรอื่น แต่เกิดขึ้นเพราะการจัดการของเรานั่นเอง อยากแก้ปัญหา เราอย่าไปอายอา ไม่ต้องเกรงใจเขา ไม่ต้องปิดบังอะไร บอกเขาตรง ๆ ไปว่า เราใช้เงินแต่ละเดือนเท่าไหร่ ค่าอะไรบ้าง และเราได้จากเขาเท่าไหร่ ขาดเท่าไหร่ เอาของไปจำนำ ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เมื่อเราจำเป็น ก็ทำได้ จะอายทำไม รีบพูดคุยต่อรองกัน บางที ถ้าเราไม่ไหว เขาก็จ่ายให้เราไม่ไหว เราก็ต้องบอกเขาไปและไปทำงานของเราเองดีกว่า แล้วให้คนอื่นมารับจ้างเลี้ยงลูกให้เขา บอกเขาไปเลย การเกรงใจกัน บางทีก็ทำให้ยุ่งยากลำบาก การพูดจาตรงไปตรงมา จะทำให้เกิดความชัดเจนและง่ายยิ่งกว่า อย่ากลัว อย่าเกรง ไม่ต้องปกปิดความจริง ไม่ต้องโกหกใคร เปิดเผย ตรงไปตรงมา เราจะไม่มีความกดดัน ชีวิต ถ้าจัดการไม่ได้ เครียดทุกราย ดังนั้น เราต้องรีบจัดการ ก่อนที่จะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมามากมาย เช่น ไม่มีเงินไปไถ่รถ ไปยืมเงินคนอื่น เป็นหนี้สิน แล้วหาเงินคืนเขาไม่ได้ เช้า ๆ หมั่นตักบาตรพระ ก่อนนอน หมั่นสวดมนต์ ฝึกจิตให้สงบ และแผ่เมตตาบ้าง ------- ชีวิตของเรา ไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี ก็เป็นบทเรียนให้คนอื่นได้ ชีวิตคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านไม่ดี ก็เป็นบทเรียนให้เราได้ มันอยู่ที่ว่า เรารู้จักมองไหม เขาคนนั้นรู้จักมองไหม ตา มองให้เห็นจริง หู ฟังให้ได้ยินจริง ร่างกายสัมผัส ให้รู้จริง ๆ ธรรมะมีอยู่ทุกที่ ทุกลมหายใจเข้าออกของคนเรา ธรรมะ เป็นของฟรี ไม่ต้องซื้อ ขายให้กันไม่ได้ แค่เราใช้จิตของเราลงทุน ตั้งใจ ฝึกหัดและสร้างมันขึ้นมาในจิตของเรา คนอื่นยกธรรมะให้เราไม่ได้ ไม่มีใครสร้างธรรมะให้ใครได้ เราต้องฝึกเองทำเอง เหล่านี้คือธรรมะ สติ รู้ตัวจริงทุกขณะ ทุกอิริยาบถ สมาธิ ตั้งมั่นจริง ปัญญา รู้จริง วิริยะ ลุยทำจริง ขันติ อดทนได้จริง เมตตา รักชีวิตอื่นจริง กรุณา ช่วยเหลือชีวิตอื่นจริง มุทิตา ชื่นชมชีวิตอื่นจริง อุเบกขา ยึดหลักเที่ยงธรรมได้จริง แต่ละวัน ฝึกจิตตัวเอง ให้มั่นคง คล่องแคล่ว ว่องใจ แจ่มใสในธรรมะ ฝึกจิตให้เป็นอิสระ ไม่ให้จิตเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ " ความเหงา เศร้า ว้าเหว้ ซึม ท้อแท้ เสียใจ น้อยใจ เครียด แค้น เคือง จองเวร ผูกเวร คับแค้น โกรธ หงุดหงิด โมโห เก็บกด อิจฉา ริษยา เพ้อ ร้องไห้ คร่ำครวญ อยากตาย ไม่อยากอยู่ วิตก ฟุ้งซ่าน เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ มักมาก หลงติด เสพติด ยึดติด ถือตัว กระด้าง เกียจคร้าน มักง่าย ติดสบาย สำออย สำอาง" Print เอกสารนี้ แล้วอ่านทุกวัน ฝึกทุกวันทุกเช้าเย็น ทำต่อเนื่องไป 9 เดือนเป็นอย่างน้อย นี่คือวิธีการปรับเปลี่ยนระบบความคิดและพฤติกรรมของตนเอง ไปสู่ความก้าวหน้าและความสุขสูงสุดในชีวิต ดาวน์โหลด https://www.buddhisthotline.com/download/buddhisthotline-lifeway.pdf
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
8 สิงหาคม พ.ศ. 2561 00:03:55
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร