ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

คนรักตายสาเหตุเพราะผม
รายละเอียด
ผมคบกับแฟนตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม รู้จักกันทางเฟคบุ๊ค ต้องบอกก่อนว่าคุยกันทางเฟคบุค กับทางโทรศัพท์ ซึ่งเราสองคนไม่เคยได้พบกันจิงๆสักครั้ง หลังๆทะเลาะกันบ่อยเพราะแฟนจะเป็นคนเอาแต่ใจ แล้วผมก็งี่เง่า เมื่อต้นเดือนพฤษจิกายน แฟนผมเขาวูบหมดสติ พบว่าเธอเป็นโรคเลือดเลี้ยงหัวใจไม่พอ เธอก็เข้าทำการรักษา ผมก็ไม่คิดอะไรมากคิดว่า รักษาแล้วคงจะหาย เมื่อวันที่ 13 พ.ย. เราทะเลาะกันอีก คราวนี้แฟนผมขอเลิกกับผม ผมเสียใจมาก คิดว่าที่เขาเลิกเพราะทนความงี่เง่าผมไม่ได้ หลังจากเลิกกัน เพื่อนของเธอบอกผมว่าเธอเข้ารับการผ่าตัดหัวใจวันที่ 15 พ.ย. เธอไม่ยอมบอกผม ผมรู้ว่าที่เธอไม่บอกเพราะเธอไม่อยากให้ผมห่วง ละขอเลิกกับผม วันที่ 22 เธอออกจากโรงบาล ถึงเลิกกันแล้วเราก็ยังคุยทางเฟคบุคอยู่ ผมก็ถามข่าวคราวจากเพื่อนเธอบ้าง เธอบอกว่าเธอดีขึ้นแล้วแต่ยังไม่หายดี ทุกครั้งที่ผมถามว่าเป็นอะไรบ้างไหม เป็นอะไรหรือป่าว เธอจะตอบ ใกล้ตายแล้ว ยังไม่ตาย เกือบตาย เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผมคุยกับเธอ ขอเธอกลับมาคบกันอีก ช่วงเวลาที่เลิกกันผมก็ทำใจไว้บ้างแล้วว่าเธอคงไม่กลับมาคบผมอีก ผมถามเธอ เธอตอบผมว่า รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ ผมจึงตอบเธอไปแบบทำใจว่า ไม่เป็นรัย ผมก็ทำใจไว้แล้ว แล้วเธอก็พูดถึงเพื่อนเธอที่คุยกับผม ว่ามีอะไรก็มาถามเธอได้ไม่ต้องไปถามเพื่อนเธอ ผมก็ตอบว่า เพื่อนเธอคุยสนุกดี เธอก็บอกให้ผมไปชอบเพื่อนของเธอ ด้วยความน้อยใจผมจึงตอบ ว่า ถ้าตอนนี้มีใคนที่มาชอบผม ผมก็คงรับไว้พิจารณา แล้วเธอก็เริ่มประชดต่างๆ ผมก็ไม่ทันคิดอะไร จนเธอบอกว่าเธอขอตัวไปนอน ผมไปดูที่เธอโพสในไลท์ ว่า คำยินดี ผมจึงเข้าใจแล้วว่าเธอคงคิดว่าผมนอกใจเธอ เย็นวันนั้นเธอเข้า โรงพยาบาลอีก อาการโคม่า เข้าห้อง ICU พี่ชายเธอ ก็แชทมาว่าผมว่าเพราะผมทำให้น้องเขาอาการขนาดนี้ ล่าสุด เธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2556 ครอบครัวเธอต่างโทษว่าเป็นเพราะผม แล้วก็ขู่ว่าจะตามหาจะฆ่าผม ผมเสียใจมากพอแล้วที่ต้องจากกันกับเธอแบบนี้ ไม่คิดว่าเธอจะตาย ไม่คิดว่าเธอจะคิดมาก ยังต้องเจอกับความโกรธแค้นของครอบครัวเธออีก มาค่าผมผมก็ไม่กลัวหรอกคับ ผมพร้อมจะตายตามคนที่ผมรักไป
ความต้องการ
ผมผิดหรือป่าวคับ ที่ผมยอมตัดใจจากเธอ เมื่อเธอไม่ยอมคบกันใหม่ ในเมื่อครอบครัวของเธอต่างโทษผม ผมเป็นคนฆ่าเธอหรือป่าวคับ ตอนนี้ผมเครียด ทั้งเสียใจมากๆ คำว่าเป็นความผิดผมมันวนเวียนอยู่ตลอด กินไม่ได้นอนไม่หลับ ผมควรทำยังไงดี อยากตายๆให้จบๆไปก็คงดี
ชื่อผู้ถาม
สุดทาง
วันที่เขียน
27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21:14:27
จำนวนคนเข้าดู
1614

คำตอบ

คำตอบที่ 1
อีกคำถามคับ ผมสวดมนต์นะโม3จบ อาราธนาประรัตนตรัย สวดพาหุง ชุมนุมเทวดา มงคลจักรวาลน้อย แล้วก็คาถาชินบัญชร จากนั้น นั่งสมาธิสักพัก แล้วแผ่กุศลให้เธอจะได้รับไหมคับ อยากให้ช่วยแนะนำบ้างคับ
ชื่อผู้ตอบ
สุดทาง
วันที่เขียน
27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21:47:12
คำตอบที่ 2
1. นับว่าแปลกอยู่ไม่น้อย คุยกัน chat กัน facebook ด้วยกัน แต่ไม่เคยไปพบกันสักครั้ง แล้วก็บอกว่ารักกัน แล้วก็เลิกกัน ปกติคนเราจะรักกันได้ มันควรจะได้รู้จักมักคุ้นได้ไปไหนด้วยกันบ่อย ๆ เพื่อศึกษาอุปนิสัยใจคอกัน ยิ่งหากได้ไปพบกับผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็จมั่นใจยิ่งขึ้น ขนาดยังไม่ได้พบกันจริง ๆ สักครั้ง (อย่างที่คุณบอกมา) ก็ยังเลิกกันได้อีก แสดงว่า คุณทั้งสองคงไปกันไม่ได้จริง ๆ ปากของทั้งคู่น่าจะทำให้เกิดปัญหา จึงต้องมีการทะเลาะกันบ่อย ๆ
2. เธอเสีียชีวิต คงเป็นเพราะปัญหาทางร่างกายเธอมากกว่า คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณหรอก เขาไม่ได้คิดมากมายอะไรอย่างที่คุณคิดเลยก็ได้
3. ญาติเขามาติดต่อคุณหรือ จริง ๆ เขาก็ไม่ควรโทษคุณ เขาต้องรู้ความจริงว่า ร่างกายน้องเขานั้นเป็นอย่างไร คุณไม่ได้มีอิทธิพลอะไรจะทำให้น้องเขาเสียเสียชีวิตได้
4. คุณต้องยืนยันกับทุกคนว่า คุณรู้สึกอย่างไรกับเธอ คุณรักเธอ แต่ผู้หญิงเขาขอเลิกคุณ ซึ่งก็ไม่รู้เพราะอะไรจึงอยากเลิก อาจเพราะคุณไม่ดีพอหรือไม่เหมาะสมสำหรับเขาก็ได้ ซึ่งคุณไม่ได้ทำให้ผู้หญิงเขาเครียดหรือเจ็บช้ำอะไรเลย พบเจอกันจริง ๆ ก็ยังไม่มี แล้วเขาจะมาหลงใหลคุณหึงหวงคุณอะไรล่ะ
5. ถ้าคุณรุ้สึกว่ารักเธอ คุณก็นึกถึงเธอในแง่ดีๆ ที่เธอเคยมีให้คุณ คุณจะรู้สึกว่ามีกำลังใจ และคิดว่า อย่างน้อยเธอก็ไปดีแล้วไม่เจ็บปวดทรมานอีกต่อไป
6. ทุกคน เกิดมาแล้ว ต้องตายทั้งนั้น ช้าเร็วแล้วแต่เหตุปัจจัย คุณต้องอยู่กับความจริงให้ได้ คุณก็มีพ่อมีแม่ คุณทำอะไรให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจและสบายใจหรือยัง ต้องไปเร่งทำตรงนั้น ไม่ใช่มาคิดโทษตัวเองแล้วก็อยากไม่มีลมหายใจแบบนี้ เสียชาติเชิงชายมากเลย
7. การสวดมนต์เน้นเพื่อให้ผู้สวดมีใจสงบสุข คุณทำแบบนั้นก็ดีแล้ว อย่าเข้าใจผิดว่า เราสวดมนต์ให้คนที่เสียชีวิตแล้ว การอุทิศกุศลให้ผู้เสียชีวิตก็เป็นสิ่งที่ดี หากเรามีใจสงบ มีความเมตตา เข้าใจบทที่สวดด้วย ก็จะทำให้มีผลานิสงส์มาก
8. คุณต้องเข้าใจสมาธิให้ถูกต้อง และฝึกให้ถูกต้อง อย่าสักแต่ว่าทำเพื่อเป็นพิธีหรือให้ได้ชื่อว่าทำแล้ว
9. ฝึกเจริญสติ อยู่กับปัจจุบันให้ได้ อย่าอยู่กับอดีตหรือเพ้อกับอนาคต มันฟุ้งซ่านเปล่า ๆ
10. ถ้าคุณยังรู้สึกว่าแย่ ไม่มีกะจิตกะใจ คุณต้องคิดว่า พรุ่งนี้เราอาจไม่มีลมหายใจก็ได้ จะมามัวเสียเวลาเศร้าสร้อยเหงาหงอยแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้น มีอะไรดี ๆ ที่ต้องทำ ก็ให้ทำวันนี้เลย ไม่ชักช้า เพราะพรุ่งนี้อาจไม่ได้ทำดีอีกแล้ว
11. ชวนพ่อแม่ไปวัดนี้ ไปเจริญภาวนาที่นี่
12. ฟังบทบรรยายนี้ทุก ๆ วัน  http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
โดยเฉพาะเวลาเครียดมาก ฟุ้งซ่านมาก ๆ ต้องเปิดฟังเลย ขณะฟังให้หลับตา นั่งนิ่ง ๆ ไม่นอนฟัง เราต้องฝึกหัดทำสิ่งที่เราไม่ชอบบ้าง เพราะมันมีประโยชน์สำหรับดูแลจิตใจเรา  ฝึกกินสิ่งที่เราไม่ชอบบ้าง ถ้ามันมีประโยชน์กับร่างกายเรา หัดบ่อย ๆ จะทำให้เข้มแข็ง และมีความอดทนสูง
13. เมื่อทุกอย่างปกติลงแล้ว คุณควรอยู่กับโลกความเป็นจริง ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานที่ตัวเองรับผิดชอบ ช่วยเหลืองานพ่อแม่ให้มากที่สุด อย่าเสีวเวลากับ facebook กับ Line อะไรนี่เลย
14. ไปเจริญภาวนาทีวัดนี้ ไปอยู่สัก 7 วันต่อครั้ง http://bhaddanta01.blogspot.com/
วิธีการเตรียมตัว http://bhaddanta01.blogspot.com/2013/03/blog-post_5379.html
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 16:39:09
คำตอบที่ 3
คับผมก็คิดว่า อย่างน้อยเธอก็หลุดพ้นจากโรคที่เป็น ไม่ต้องเจ็บปวดอีก ไม่ต้องทุกข์ใจ เพราะเธอเองก็มีปัญหาหลายๆอย่างในชีวิต ก็ภาวนาขอให้เธอได้ไปที่ดีๆ ใครจะโทษมาทำอะไรผมก็คงไม่ใส่ใจแล้ว ปล่อยตามกรรม ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ สาธุ
ชื่อผู้ตอบ
สุดทาง
วันที่เขียน
28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 18:31:12
ทั้งหมด 3 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร