ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เครียดและท้อมากค่ะ
รายละเอียด
กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ หนูอายุ 32 ค่ะ ตอนนี้ตกงานค่ะ ลาออกจากงานเดิม หนูกำลังจะไปสมัครงานธนาคารค่ะซึ่งไม่ไกลจากบ้านมากนัก ซึ่งเป็นงานที่หนูใฝ่ฝัน แต่ปัญหาคือธนาคารเขาตรวจเครดิตบูโร ซึ่งหนูมั่นใจว่าหนูติดแน่นอน เพราะหนูเคยซื้อรถให้พี่สาว แล้วเขาผ่อนไม่ไหวเลยโดนยึดไป และยังมีบัตรเครดิตที่หนูกู้เงินให้พี่สาวอีก แต่หนูไม่โทษพี่สาวหรอกนะคะบางครั้งหนูก็สงสารเขา เขาไม่มีงานทำ หนูทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว หนูเป็นเหมือนเสาหลักของบ้าน หนูเครียดมากๆค่ะ พี่สาวหนูก็ไม่มีงานทำ หลานหนูอีก 4 คน พ่อแม่อีก หนูอยากทำงานที่มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว และอยากได้งานที่มั่นคง หนูอยากทำงานธนาคารนี้มาก แต่ความฝันหนูพังทะลาย หนูเครียดและท้อมากๆ อยากมีเงินมาจุนเจือครอบครัว หนูเป็นห่วงพ่อแม่และหลานหนูมาก หนูเครียดจนนอนไม่หลับเลยค่ะ ต้องกราบประทานโทษพระอาจารย์ด้วยนะคะที่หนูมาโพสต์ตอนดึกๆ หนูเครียดจริงๆ นอนไม่หลับหลายวันแล้วค่ะ
ความต้องการ
หนูท้อแท้กับชีวิตเครียดเหลือเกินค่ะ เป็นห่วงพ่อแม่และหลาน สับสนไปหมด หนูอยากนอนหลับ อยากเลิกเครียด เลิกท้อ แต่ทำไม่ได้ค่ะ
ชื่อผู้ถาม
หมดกำลังใจ
วันที่เขียน
3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 01:59:53
จำนวนคนเข้าดู
994

คำตอบ

คำตอบที่ 1
การที่เราสนใจเรื่องความมั่นคงของครอบครัว พ่อแม่ พี่สาว และหลาน ๆ เป็นสิ่งที่ดี ที่ผ่านมาเราก็ทำดีมากแล้ว  เราเป็นลูกที่ดีมาก  เป็นน้องที่ดีมาก เป็นน้าที่ดีมาก ๆ  แต่วันนี้เป็นต้นไป ก็ต้องมองทุกอย่างตามความเป็นจริง  ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนในครอบครัวก็จะต้องหาทางช่วยเหลือกัน  ต้องรับรู้ร่วมกัน ไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของใครคนใดคนหนึ่งมากเกินไป  ไม่ต้องอายที่จะพูดคุยกันเรื่องเงิน เรื่องรายได้ เรื่องรายจ่าย   แต่เราอย่ากังวลนัก ทุกสิ่งอย่างมีเส้นทางของมัน และทุกชีวิตต้องดิ้นรน ใครไม่ดิ้นรน ก็ยากจะอยู่ได้

1. เรื่องงาน ไปสมัครดูก่อนได้ ไม่เสียหายอะไร  เราจะเป็นอย่างไรนั่นเป็นเรื่องเบื้องหลังของเรา   ขอให้ได้สัมภาษณ์ก่อน  ถ้าเขาจะถามเรื่องเครดิต เรื่องประวัติทางการเงินของเรา เราก็สามารถอธิบายให้เขาฟังได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องไปปกปิดอะไร  ทำไมจึงเกิดเรื่องอย่างนั้น  เพราะอะไรและอย่างไร และเรากำลังหาทางแก้ปัญหานั้นอย่างไร  ก็เล่าไป ไม่ต้องไปกลัวเขาจะจี้จุดเราหรอก ไม่เป็นไรเลย เราแค่ยิ้ม เปิดเผย ตรงไปตรงมา ความวิตกกังวลจะลดลงไปมาก  อย่าไปกลัวว่าเขาจะไม่รับเรา เพราะเรื่องแค่นี้  ธนาคาร ย่อมมีเหตุผลอื่น ๆ ประกอบ ถ้าจะรับหรือไม่รับใครเข้าทำงาน

อีกอย่าง  เราก็มีจุดเด่น ควรบอกจุดแข็ง/จุดเด่นของเรา คือทักษะ ความชำนาญ และความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในงานที่ทำมาตลอด ซึ่งเหล่านี้น่าจะตอบโจทย์ของธนาคารได้

2. เรื่องพี่สาว ไม่มีงานทำ ก็ควรปลุกเร้ากัน  ให้กำลังใจกัน ช่วยกันคิด จะหาอะไรทำกันดี ไปสมัครงานที่ไหนไม่ได้ ก็ปรึกษากันดู ทำอะไรออกขาย ดีไหม  ทำขนม ทำอาหาร เครื่องดื่มต่าง ๆ (ไม่เป็น ก็ต้องลุยฝึกหัดเรียนรู้) น่าจะดีกว่า รองาน หรือคอยงาน ที่ไม่มีความแน่นอน  อย่าลืมว่า ทุกสิ่งอย่างที่เป็นหนี้สินที่เราก่อไว้ จะต้องชดใช้เขา ไม่วันใดก็วันหนึี่ง ถ้าเราไม่หาช่องทางเปิดประตูให้เงินเข้ามาเลย เมื่อไหร่จะมีเงินไปใช้เขา  อย่างอื่นรอได้ แต่หนี้ เราอยู่เฉย ๆ มันก็สร้างดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ

บอกพี่ อย่าใจเย็นเกินไป มีอะไรก็หาทางช่วยกัน

3. เรื่องหลาน ก็ให้คำแนะนำเด็ก ๆ ให้ตั้งใจเรียนและทำสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบให้เต็มที่  ให้เขาเข้าใจสถานการณ์ครอบครัวก็จะดี จะทำให้เขาได้ฝึกหัดรอบคอบ และประหยัด

4. เรื่องพ่อแม่ คงไม่มีปัญหาอะไร เขาคงเข้าใจเราและให้กำลังใจเราเป็นอย่างดี 

5. เรื่องงานของเรานั้น ถ้ามันจะเข้าทำที่นี่ไม่ได้ ก็อย่ามองเป็นปัญหา ที่อื่น ๆ ก็มี ลองหาดูอีกที การตั้งความหวังกับอะไรมาก ๆ แล้วไม่สมหวัง มันก็จะมีปัญหาเสมอ แต่จริง ๆ แล้ว ผิดหวัง สมหวัง มันคู่กันอยู่แล้ว ไม่น่ามาติดใจตรงนี้

6. เราจะคลายเครียด คลายวิตกกังวลได้อย่างไร ทำได้ด้วยการฝึกจิตให้ตัวเองและฟังธรรมะทุก ๆ วัน ตามนี้

แนวการฝึกจิตแบบง่าย ๆ
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=306

แนะนำธรรมะควรฟังซ้ำ ๆ ตั้งใจฟัง เบื่อก็ฟัง
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=286

7. ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ควรไปยึดติดว่าสิ่งนี้คือดีที่สุด ไม่มีงานอะไรมั่นคงที่สุด ไม่ว่างานภาครัฐ งานธนาคาร หรืองานอื่น ๆ มันอยู่ที่การกระทำของเราเองและองค์ประกอบในงานนั้น ๆ ของกิจการนั้น ๆ (ซึ่งมันผันเปลี่ยนได้ตลอด)

จงสร้างความมุ่งมั่น สร้างพลังจิตให้ตัวเอง สร้างกำลังใจให้ตัวเอง
เมื่อจิตมั่นคง สงบ จิตจะมีพลัง ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ
ถ้ายังว้าวุ่น เครียด วิตก กังวลอยู่ จะเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ทำอะไรก็ยากจะประสบความสำเร็จ อาจสร้างปัญหาต่อเนื่องตามมาอีกด้วยซ้ำไป ต้องระวัง รีบฝึกจิตให้ตัวเองเลย

ดูตรงนี้ประกอบ
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=308

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=290

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=289

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=286

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=200
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 08:50:30
คำตอบที่ 2
ธรรมะ แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
ธรรมะ ป้องกันปัญหาได้ทุกอย่าง

จงนำธรรมะมาจัดการชีวิตประจำวันของเรา
ธรรมะมีอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกของเรา ไม่ได้อยู่ไกลเลย
ธรรมะอยู่ที่จิตของเรานี่เอง ไม่ต้องไปหาที่ไหน
รักษาจิตให้ดี มีสติ ไม่ประมาท นี่แหละ มีธรรมะแล้ว


ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะก่อเวร สร้างศัตรู
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะร้อนรน น้อยใจ
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะเสียสูญ เศร้าหมอง
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะอ่อนแอ ร้องไห้
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะทำผิดศีลผิดทำผิดกฎหมายไปเรื่อย จะทุกข์ยากไม่จบสิ้น
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะไม่อยากอยู่ จะอยากตาย

ชีวิตคือปรากฎการณ์ชั่วคราว ชีวิตคนเรานี้สั้นมาก ๆ จงใช้ชีวิตนี้สร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับตนเอง คนอื่น สังคมและโลก ทำให้เต็มที่สุดความสามารถของเรา 


ชีวิตคนเรา มีสุข มีทุกข์ มีได้ มีเสีย คละเคล้าผสมปนเปไปทุกวัน สิ่งนี้เป็นธรรมดา เพราะสติ เพราะปัญญาของคนเราไม่ได้เต็มเปี่ยมตลอดเวลา

เมื่อมีชีวิตอยู่ จงพร้อมเผชิญทุกเหตุการณ์ทั้งสิ่งที่เราชอบ และไม่ชอบ ผิดหวังและสมหวัง

ไม่ท้อท้อ ไม่สิ้นหวัง อดทน สงบจิต ตั้งใจ ฝึกใจให้มั่นคง แล้วลุยเดินหน้าต่อไป

การฝึกจิต ฝึกสติตลอดเวลา จะทำให้เราเผชิญกับทุกสิ่งอย่างได้ดี
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 08:51:32
คำตอบที่ 3
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์มากค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
หมดกำลังใจ
วันที่เขียน
3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 11:05:27
ทั้งหมด 3 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร