ข่าวความเป็นไปแห่งชีวิต

เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุพบศพ 4 ศพ ซึ่งทั้ง 4 ศพนั้นเป็นพ่อ-ลูกกัน โดยลูกทั้ง 3 ศพเสียชีวิตจากการโดนบีบคอ และรัดคอ ส่วนพ่อนั้นเสียชีวิตจากการผูกคอ คาดอาจเกิดจากปัญหาเรื่องหนี้สิน
วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.ท.วีระศักดิ์ มะลิทอง พนักงานสอบสวนเวร สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งพบศพ 4 ศพ อยู่ในบ้านเลขที่ 118/2 หมู่ 5 ต.สิชล อ.สิชล ทั้ง 4 ศพเป็นพ่อและลูก หลังจากนั้น จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงศ์ ผกก.ชุดสืบสวน แพทย์เวรชันสูตร รพ.สิชล และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยซีบีสิชล
       
       ในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นห้องแบ่งเช่า พบศพเด็ก 3 คนนอนเรียงอยู่บนที่นอนในสภาพเรียบร้อย ส่วนบนขื่อพบอีกหนึ่งศพเป็นศพที่ 4 ผูกคอห้อยอยู่กับขื่อ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้ว จึงเคลื่อนย้ายศพทั้งหมดทำการชันสูตรอย่างละเอียด โดยศพแรกคือ นายไพศาล ยศขุน อายุ 40 ปี ส่วนเด็กทั้ง 3 รายคือ ด.ญ.ศศิธร ยศขุน 14 ปี ด.ช.สราวุธ ยศขุน 8 ปี และ ด.ญ.ธนภรณ์ ยศขุน 4 ปี ทั้ง 3 ศพหลังมีสภาพถูกบีบคอ และรัดคอเป็นเหตุให้เสียชีวิต ทั้งหมดเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ชม.
       
       ขณะที่ญาติของนายไพศาล ระบุพื้นเพเดิมของนายไพศาล เป็นคน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้พาครอบครัวมาจาก อ.ปากพนัง มาเช่าห้องอยู่ในที่เกิดเหตุ มีอาชีพรับจ้างขับเรือประมง และเรือนำเที่ยวตกปลาใน อ.สิชล มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และทราบว่า นายไพศาล นั้นมีปัญหากับภรรยา คือ นางจุฑาทิพย์ เป็นประจำทั้งเรื่องรายจ่าย และเรื่องหนี้สิน
       
       ก่อนเกิดเหตุ 3 วันที่ผ่านมา นางจุฑาทิพย์ ได้หนีออกจากบ้านไปโดยไม่มีใครติดต่อได้ ทิ้งลูกทั้ง 3 คน ให้อยู่กับนายไพศาล เชื่อว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียด จนเป็นเหตุให้ตัดสินใจฆ่าลูกทั้ง 3 คน เพื่อจบปัญหาภายในครอบครัว ก่อนที่จะผูกคอตัวเองจนเสียชีวิตไปอีกราย
       
       พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงศ์ ผกก.สภ.สิชล ระบุสาเหตุเบื้องต้นว่า นายไพศาล เกิดความเครียดปัญหาครอบครัว เนื่องจากภรรยา คือ นางจุฑาทิพย์ สงสุข อายุ 38 ปี ภรรยาและมารดาของเด็กทั้ง 3 คนได้หนีหายไปเมื่อ 3 วันก่อน ประกอบปัญหาหนี้สิน ซึ่งพบหลักฐานเบื้องต้นว่า นายไพศาล ได้รัดคอลูกทั้ง 3 คนจนตาย และในที่เกิดเหตุนั้นไม่พบร่องรอยของการต่อสู้รื้อค้นข้าวของ หรือร่องรอยของสารพิษใดๆ หลังจากที่นายไพศาล ฆาตกรรมลูกทั้ง 3 แล้ว จึงได้นำศพมาเรียงไว้เรียบร้อยก่อนที่จะผูกคอตาย ขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ส่วนศพทั้งหมดนั้นเตรียมส่งพิสูจน์ที่ศูนย์นิติเวชสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มิถุนายน 2558
เขียนโดย : สายด่วนชาวพุทธ
เขียนเมื่อ : 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558
อ่าน : 2524

ข่าวความเป็นไปแห่งชีวิตอื่นๆ

ธรรมะท้ายข่าว

ธรรมะท้ายข่าวที่ 1
กรณีเช่นนี้ นับเป็นความสูญเสียอย่างประเมินค่ามิได้ของสังคม บุคลากรของชาติ ต้องมามีเหตุแบบนี้เกิดขึ้น พวกเราชาวพุทธผู้ได้ดูข่าวแบบนี้ คงได้แต่แสดงความเสียใจ เพราะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรครอบครัวนี้ได้มากนัก สิ่งที่พอจะทำกันได้ คือช่วยกันแนะนำ บอกสอน ชักชวนพี่น้องชาวไทยให้ฝึกหัดความอดทน อดกลั้น ใจเย็น ๆ ฝึกมองปัญหาด้วยความรู้ความเข้าใจตามความเป็นจริง ไม่รีบด่วนตัดสินใจด้วยทำให้ชีวิตอื่น ๆ รวมทั้งตัวเองต้องหมดลมหายไปไปในลักษณะแบบนี้ เฉพาะเด็ก ๆ นั้น แม้ว่าเขาจะเป็นลูกของเรา แต่เขาก็เป็นอีกชีวิตหนึ่ง ไม่ใช่ชีวิตเรา เรามีส่วนให้เขาได้เกิดมาก็จริง แต่เราไม่มีกรรมสิทธิในตัวเขา เราผู้ใหญ่ทั้งหลายผู้เป็นพ่อแม่หรือญาติ ๆ ไม่มีสิทธิที่จะไปทำให้เขาหมดโอกาสเจริญเติบโตต่อไป คือตัวเราแม้ประสบปัญหาคับแค้นทุกข์ยากแสนเข็ญอย่างไร ก็ไม่ควรไปตัดสินใจทำให้ชีวิตลูก ๆ หรือชีวิตคนอื่นต้องสิ้นลมหรือเจ็บปวดเดือดร้อนแต่อย่างใด เด็ก ๆ ควรมีโอกาสและทางเลือกชีวิตของตัวเอง ไม่แน่วันข้างหน้าหากเขายังมีชีวิตอยู่ เขาอาจเป็นนักประดิษฐ์นักสร้างสรรค์สิ่งอันดีเลิศให้กับโลกและสังคมก็ได้ เขาอาจประสบความก้าวหน้ามากมายต่างจากตัวเราก็ได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นแบบที่เรากำลังประสบอยู่ ด้วยเหตุดังนี้ พระพุทธศาสนาจึงแนะนำชาวพุทธว่า ควรถือปฏิบัติศีล คือ ปาณาติปาตา เวรมณี สิกขาปทัง สมาทิยามิ แปลว่า ฉันขอตั้งใจปฏิบัติงดเว้นจากการทำให้ชีวิตอื่นสิ้นสภาพชีวิตไป ควรช่วยกันปลุกเร้า เพาะบ่ม สร้างเสริมพรหมวิหารธรรม กล่าวคือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาให้ถูกต้องและมากล้นไม่จำกัดปริมาณทั้งในตัวเองและชีวิตอื่น ๆ ทำแบบนี้ สังคมมนุษย์จะได้ชื่อว่า เจริญก้าวหน้าและมีความสุข
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
15 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17:37:25
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1