เปิดใจ ยิ้มให้ตัวเอง ยิ้มให้โลก ยิ้มให้เพื่อนร่วมโลกทุกชีวิต แม้เขาจะไม่ชอบเราก็ตาม
เปิดตา กล้ามองทุกคน กล้าสบตากับคน กล้าพูดคุยกับทุกคน กล้านับถือชีวิตอื่น ๆ ทุกคน แม้เขาจะคิดต่างจากเรา
เปิดใจ ให้อภัยทุกคน ไม่ติดใจใคร ไม่แค้นเคืองใคร ปล่อยวางได้ ไม่เก็บมาคิดมาก
เปิดความกล้า กล้าฟังคนด่า กล้าฟังคนนินทา ไม่หนีเมื่อเขาด่าว่านินทา พร้อมฟัง พร้อมอธิบายความจริง และไม่โกรธคนเหล่านั้น
เปิดความมุ่งมั่น มุ่งมั่นเรียนให้ดีเลิศ ทำงานให้ดีเลิศ สร้างชีวิตให้ก้าวหน้าไปจนใคร ๆ อยากทำตาม
เปิดความกล้า ไม่กลัวใคร ไม่หวั่นเกรงใด ๆ เมื่อเราทำถูกต้อง คิดถูกต้อง และพูดถูกต้อง
-----------------------
ไม่มีที่พึ่งอื่นใด ดีเท่ากับจิตของเราเอง
ไม่มีเพื่อนคนใด ดีเท่าจิตของเราที่ฝึกได้แล้ว
จิตคนเรานี้ แม้มันจะวอกแวกวุ่นวายแค่ไหน ก็สามารถฝึกได้
จิตที่ฝึกดีแล้ว คือที่พึ่งที่แท้จริงของคนเรา
ดังนั้น เราต้องฝึกจิตทุก ๆ วัน ทุกเวลา เหมือนร่างกายต้องกินอาหารทุกวัน
ฝึกจิตให้อยู่กับศีลกับธรรม ไม่ใช่ไปอยู่กับความหลง ความยึดติด ความเคร่งเครียด ความเศร้า ความเหงา ความอยากได้อยากมีเกินฐานะความเป็นจริง
ทุก ๆ วัน ให้หามุมที่เงียบสงบ ปิดเครื่องมือสื่อสาร หยุดกิจกรรมอื่น ๆ
นั่งตัวตรง ๆ นิ่ง ๆ หลับตา ผ่อนคลาย สำรวมจิต ตั้งใจรับรู้ลมหายใจเข้าออกของเราเท่านั้น สัก 25-55 นาที
ต้องผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ ไม่บังคับลมหายใจ
หน้าที่เราคือ เพียงรับรู้มันให้ทันว่า ลมหายใจออก ก็รู้ว่า ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ก็ตามรับรู้ว่าหายใจเข้า
รับรู้ไปเรื่อย ๆ ไม่ให้วอกแวก ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอื่น ๆ ไปคิดเรื่องในอดีต ไปคิดฟุ้งถึงเรื่องในอนาคต ก็รีบดึงจิตมาตั้งใจดูลมหายใจนี้อีก ดึงมันกลับมา ไม่เคร่งเครียด หรือท้อแท้ใจ
ทำแบบนี้ทุก ๆ วัน วันละ 25-55 นาที ต่อเนื่องไปสัก 90 วัน
ทำแบบนี้แหละ จิตของจะสงบ มั่นคง และมีพลัง
จิตที่สงบ มั่นคง มีพลัง ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จได้ง่าย
-------------------
ความไม่รู้ ทำให้ผิดพลาดทุกอย่าง
ความไม่รู้ ทำให้เสียหายทุกสิ่ง
ความไม่รู้ ทำให้พ่ายแพ้ทุกสังเวียน
ความไม่รู้ ทำให้ล้มเหลวทุกกรณี
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
ความไม่รู้ ทำให้เหงา
ความไม่รู้ ทำให้เศร้า
ความไม่รู้ ทำให้ท้อแท้
ความไม่รู้ ทำให้สิ้นหวัง
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
ความไม่รู้ ทำให้เจ็บปวด
ความไม่รู้ ทำให้รวดร้าว
ความไม่รู้ ทำให้ชิงชัง
ความไม่รู้ ทำให้ทุรนทุราย
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
ความไม่รู้ ทำให้แค้นเคือง
ความไม่รู้ ทำให้เดือดดาล
ความไม่รู้ ทำให้ฟาดฟัน
ความไม่รู้ ทำให้ล้างผลาญ
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
ความไม่รู้ ทำให้แตกแยก
ความไม่รู้ ทำให้เลิกรา
ความไม่รู้ ทำให้หย่าร้าง
ความไม่รู้ ทำให้อาฆาต
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
ความไม่รู้ ทำให้เมามัน
ความไม่รู้ ทำให้โอ่อวด
ความไม่รู้ ทำให้เปลืองตัว
ความไม่รู้ ทำให้เปลืองตังค์
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
ความไม่รู้ ทำให้เสพติด
ความไม่รู้ ทำให้ถือตัว
ความไม่รู้ ทำให้มัวเมา
ความไม่รู้ ทำให้เป็นบ้า
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
ความไม่รู้ ทำให้เย่อหยิ่ง
ความไม่รู้ ทำให้เหยียดหยาม
ความไม่รู้ ทำให้เลวทราม
ความไม่รู้ ทำให้หยาบช้า
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
ความไม่รู้ ทำให้ด่า
ความไม่รู้ ทำให้แช่ง
ความไม่รู้ ทำให้เกรี้ยวกราด
ความไม่รู้ ทำให้ก่อเวร
จงกำจัดความไม่รู้ ก่อนที่ความไม่รู้จะกำจัดเรา
----------------------
ถ้าท้อแท้
ถ้าท้อแท้ อยากตาย ไม่อยากอยู่ ให้นึกถึงแม่สุนัขตัวผอมโซหนังติดโครงกระดูก มันวิ่งพล่านหากินไปทั่ว เผื่อจะมีอะไรให้ได้แทะได้กินบ้าง แต่วิ่งทั้งวันก็ไม่มีอะไรให้กินเลย แต่มันก็ยังวิ่งเอานมเหี่ยว ๆ โตงเตง ๆ นั้นมาป้อนให้ลูกของมัน นี่คือความรักของแม่ต่อลูก มันยิ่งใหญ่มาก เราเป็นคน เราต้องคิดได้ดีกว่า และทำได้ดีกว่าแม่สุนัขตัวนั้น
--------------------
เมื่อรู้สึกว่า ไม่มีใคร ไม่เหลือใคร อ่อนแรง หมดสิ้นกำลังใจ
บางครั้ง ในยามที่พบปัญหาร้อยแปดพันเก้าประเดประดังเข้า
ปัญหาต่าง ๆ นั้น ล้วนเป็นผลจากการการกระทำของเราเมื่อวันก่อน ๆ นั่นเอง
วันแล้ววันเล่า ที่ต้องเหนื่อยหน่ายกับการแก้ปัญหาที่ไม่รู้ว่า จะหมดสิ้นไปเมื่อไหร่
จึงทำให้รู้สึกว่า ชีวิตนี้ไม่มีใคร ไม่เหลือใครเลย ขาดที่เหนี่ยวเกาะ ไม่มีที่พึ่งพิง ไร้กำลังใจ จนบางครั้งรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากพบปัญหาใด ๆ อีกแล้ว ไม่อยากรับรู้อะไร ๆ ไม่อยากพบใคร และอยากหนีไปให้พ้น ๆ บ้างอาจรู้สึกอยากจบชีวิตลง
นี่คือความอ่อนแอของจิต นี่คือจิตที่ขาดพลัง นี่คือจิตที่ตกอยู่ภายใต้ความรู้สึก ซึ่งนับว่า อันตรายและล้าหลังมาก ๆ
เราอย่าเป็นทาสความรู้สึกนี้
-------------
จงปลุกจิตตัวเองให้กล้าแกร่งขึ้นมา เอาชนะความรู้สึก ก้าวข้ามและอยู่เหนือความรู้สึกเหงา เศร้า ท้อแท้ ไร้กำลังใจให้ได้ แล้วฝึกตัวเองทุกลมหายใจเข้าออกให้มีสติและมีปัญญาตลอดเวลา
สติและปัญญา หมายถึง รับรู้ความเป็นจริงขณะที่กำลังสัมผัสเกี่ยวข้อง เข้าใจความจริง มองเห็นความจริง ยอมรับความจริง และลงมือแก้ไขปัญหาตามความเป็นจริง
ไม่ต้องไปหวังกำลังใจจากใคร เพราะแท้จริงแล้ว ไม่มีใครให้กำลังใจแก่ใครได้ จงสร้างกำลังใจขึ้นมาด้วยตัวเราเอง
ได้เกิดมามีรูปร่างเป็นคนนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
ได้เกิดมาเป็นคน แสดงว่า ได้ทำบุญเก่าไว้มากมายเลย
แต่ปัจจุบัน จงพิสูจน์ฝึมือตัวเองว่า
เราอยู่ในโลกนี้ได้อย่างกล้าแกร่ง เข้มแข็ง มั่นคง
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ทุกข์ยาก หรือขาดแคลนเพียงใด
จงใช้เป็นเวทีทดสอบและพิสูจน์พลังสติ พลังปัญญา พลังความอดทนของตัวเอง
จงปลุกใจตัวเองให้ตื่นอยู่เสมอ แม้จะรู้สึกว่า ขณะนี้ มีปัญหามากมาย เหมือนมีไฟ 10 กอง กำลังเผาไหม้ล้อมรอบตัวเราอยู่ก็ตาม