ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ปัญหาเรื่องลูก
รายละเอียด
ปัญหาเรื่องลูกสะใภ้ คือวันหนึ่งโทรศัพท์ให้แม่ผัว พ่อผัว ไปรับท่ี่บ้านของลูกสะใภ้ เนื่องจากทะเลาะกับแม่และสาวของตนเองพอรับมาอยู่ได้ ประมาณ 5 เดือน สามีของดิฉันก็ถึงแก่กรรม ดิฉันต้องออกค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่าง แม้แต่น้ำไฟเอง โดยลูกชายของดิฉันและลูกสะใภ้ไม่ช่วยเหลือเลย ลูกชายเรามีลูก 2 คน รวมครอบครัวลูก 4 คน และแม่ บ้านเป็นของเรา ดิฉันพยายามเอาใจลูกสะใภ้ ทุกอย่าง ไม่ต้องการให้ไปเช่าบ้านอยู่ หรืออยู่ที่อื่น กลัวสังคมของแม่ชอบไปบ้านคนอื่นดิฉันทำอาหารเช้าให้กับหลานสาวคนโตทานก่อนไปโรงเรียน โดยลูกสะใภ้ไม่ยอมทำ จะให้กินโจ๊กกล่อง หรือนม 1 กล่อง ดิฉันทำเพราะกลัวหลานไม่ได้กินอาหาร กลัวจะเรียนไม่รู้เรื่อง จึงทำให้ด้วยความเต็มใจ และแล้วเช้าวันหนึ่งมันก็เกิดเรื่องขึ้นได้ คือดิฉันจัดเตรียมอาหารเช้าให้หลานสาวทาน เสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ็ดโมงกว่า ก็ยังไม่ลงมา โดยปกติจะลงมา หกโมงกว่าตอนเช้า คุณพ่อลูกสะใภ้มารับเพื่อไปโรงเรียน โดยลูกสะใภ้เดินออกไป ไม่พูดอะไรเลย เริ่มน้อยใจแล้ว ก็พูดออกมาว่า ทำไมไม่กินข้าว เขาดุแม่ผัวว่า จะไปกินที่โรงเรียน บอกแม่สักคำได้ไหม ลูกสะใภ้เสียงดังอยู่หน้าบ้านเลยว่า เยอะ แม่ผัวเยอะ แปลว่ามากมายหรือ ลูกสะใภ้บอกพ่อตนเองว่าจะกลับไปอยู่บ้าน เตรียมขนเสื้อผ้าเลย เหมือนเมื่อตอนทะเลาะกับแม่และน้องของตนเองเลย ดิฉันรู้สึกผิดว่าต้องไม่พูดอะไรเลย จึงจะทำให้หลาน ๆ ได้อยู่บ้านเรา รู้สึกผิดต้องไม่พูด เขารีบไปทำงานเขาขอให้เราตากเสื้อผ้า ทุกชนิดของเขา เราเห็นแก่ส่วนรวมเราก็ตากให้ เราเป็นข้าราชการบำนาญนี่ เอาละทำดีไว้ เดี๋ยวหลาน ๆ เราไม่ได้อยู่บ้าน แล้วใจกลับคิดได้วันนี้ว่า เราควรกำหนดใจไม่ให้คิดถึงหลาน ๆ และดูข่าว ท่องความรู้ในเน็ตไปเรื่อย ๆ อย่างมีสติ ลืมไปว่า เราอยู่คนเดียว บ้านมันเป็นบ้านเหมาะกับอยู่เป็นครอบครัว น้ำตามันก็ไหลออกมาอยู่ตลอด เราเริ่มเครียดแล้ว มีหนี้สินอยู่ เราตั้งสติแล้วเราก็จะขายที่แปลงหนึ่งได้เงินแล้วเขาก็คงกลับมาอยู่กับเรา แต่เรากลับคิดว่า เราไม่เอาลูกสะใภ้และหลาน ๆ แล้ว เราจะดูแล เมื่อเขาขอความช่วยเหลือ และจะเอาดอกเบี้ยที่ฝากไว้ช่วยเหลือเขา ได้เฉพาะเงินดอกเบี้ยเท่านั้น เงินต้นก็อยู่ครบเมื่อใช้หนี้หมดแล้ว เงินและบ้านก็ต้องตกอยู่กับลูก อยู่แล้ว ฟ้ามีตาก็ช่วยเรา คนซื้อที่แปลงนี้วันจันทร์นี้เขาจะทำสัญญาจะซื้อจะขายกับเรา เราขาดที่ปรึกษา แต่เราตั้งสติให้ดีในวัย 59 ขวบนี้ เดียววันจันทร์นี้จะทำสัญญาแล้ว คิดว่าขอให้หมดนี้ก็พอ กินบำนาญไป ลืมไปตอนนี้เราเรียกหลานชายลููกของพี่ชายคนโตมาอยู่บ้านด้วย หลานสาวคนเล็กไปทำงานกทม.กลับมาอาทิตย์วันเดียว เราเขียนมานี้ ยังมีลูกชายคนโตอีกหนึ่งคน เขาไม่มีปัญหา เขามาเยี่ยมแม่เอาลูกเอาเมียมาบ่อย ๆ ช่วยออกเงินต่าง ๆ บ้างครั้ง ลูกสะใภ้โตเขาก็ไม่ว่าแม่ผัวเลย เขาทำงานเป็นหัวหน้างานการเงิน ซึ่งคิดว่างานเขาต้องหนักแต่กลับเขาไม่เครียด เลย สังเกตุได้ว่า ลูกชายและลูกสะใภ้เล็กเขาเป็นคนไม่ดี คิดและทำให้แม่ร้องไห้ได้ เรามีหน้าที่ให้อภัย แต่ขอเวลาหน่อย
ความต้องการ
1. อยู่คนเดียวไม่เอาใครเลย เพราะเรายังแข็งแรงอยู่ 2. ให้ความช่วยเหลือลูกเมื่อเขาเดือดร้อนจริง ๆ โดยช่วยเหลือได้เฉพาะเงินดอกเบี้ย หรือมีความจำเป็นเท่านั้น 3. เราเก็บตัวไม่ค่อยพบใครเลย กลัวทุกสิ่งอย่าง ถูกต้องหรือไม 4. ควรออกจากบ้านแล้วอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ดีหรือไม่ อากาศดี 5. หน้าปากซอยกำลังจะทำตลาดเล็ก เป็นห้อง ๆ เราควรไปเช่าทำกิจการดีไหม จะได้ไม่น้ำตาลไหลอยู่ตลอด ๆ
ชื่อผู้ถาม
พรทิพย์
วันที่เขียน
20 กันยายน พ.ศ. 2556 07:26:59
จำนวนคนเข้าดู
1828

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1. เรื่องสะใภ้นั้น เขาจะกลับไปบ้านเขา ถ้าเขาเห็นว่า อยู่กับเราไม่มีความสุข ก็ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าเขาอยากพาหลาน ๆ มาเยี่ยม ก็คงมาหาเรา หรือเราคิดถึงหลาน ๆ ก็โทรไปหาได้ 2. ถูกแล้ว เขาโตกันหมดแล้ว เราต้องให้เขาได้รับผิดชอบชีวิตเขาอย่างเต็มที่ 3. ถ้ามีธุระก็ไปพบปะ พูดคุยกับเพื่อน ๆ ญาติ ๆ ตามปกติเถอะ อย่ากลัวเกินไป 4. ถ้าไปอยู่แล้ว หากเจ็บป่วยขึ้น ใครจะดูแลช่วยเหลือเรา อยู่ที่ไหนก็ได้ ถ้าเราอยู่ได้แบบไม่เป็นภาระใคร เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปหาหมอได้ง่าย ๆ 5. การอยู่แบบบำนาญ ถือว่า เราได้พักผ่อนแล้ว อายุเราก็มากแล้ว เวลาที่เหลืออยู่นี้ เน้นไปที่การได้ทำอะไรเบา ๆ ไม่ต้องรับผิดชอบมาก จะดีกว่า เน้นสวดมนต์เช้า-เย็น เจริญจิตภาวนา จะดีกว่า อย่าน้อยใจ อย่าโหยหาใครมาเข้าใจและเห็นใจเรา เราเข้าใจตัวเราดีที่สุด ปล่อยวางการยึดติดทุกสิ่ง "ทำไม คนจึงเกิดมา เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน เรายังจะเกิดมาอีกไหม ทำอย่างไร จะไม่ต้องเกิดมาอีก" หาความชัดเจนในเรื่องพวกนี้ให้ได้เร็วที่สุด ก่อนจะหมดลมหายใจ เราอายุมากแล้ว ไม่ประมาท บริหารจัดการทรัพย์สินให้ดี เราก็จะอยู่ได้แบบไม่เดือดร้อนอะไรมากมาย
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
21 กันยายน พ.ศ. 2556 21:38:18
คำตอบที่ 2
ขอขอบพระคุณยิ่่ง ชัดเจน จะปฏิบัติตนเองให้มีความสุข และเป็นคนดี โดยไม่ประมาทอีก
ชื่อผู้ตอบ
พรทิพย์
วันที่เขียน
22 กันยายน พ.ศ. 2556 07:01:38
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร