ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เรื่องเพื่อน เรื่องเรียน
รายละเอียด
หนูเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนจบปวช ก็มาสอบเข้าคณะวิศวะของมหาลัยใน กทม. ตอนนั้นพ่อแม่ดีใจมาก หนูเองก็ดีใจมากเหมือนกัน แต่เมื่อมาเรียนแล้วมันไม่ได้สบายอย่างที่คิด เรียนยากมาก ยิ่งหนูจบปวชมาอีก คำนวนเยอะแยะไปหมด พื้นฐานเด็กวิทย์ - คณิตทั้งนั้น เพื่อนๆในคณะส่วนใหญ่จบ ม.6 มา พวกเพื่อนๆก็จะมีพื้นฐานพวกนี้มาบ้างแล้ว แต่หนูไม่มีเลย แล้วสังคมเพื่อนฝูงตอนปวช ก็จะเรียนๆเล่นๆ ทุกคนก็จะช่วยเหลือกันตลอด แต่พอมหาลัยต่างคนต่างเรียนตัวใครตัวมัน หนูพยายามเข้าไปติวกับเพื่อนๆทุกครั้งแต่หนูจะช้ากว่าคนอื่นๆ พอหนูถามเยอะๆเพื่อนๆก็รำคาญ บางครั้งก็ตอบส่งๆให้มันผ่านๆไป หลังๆก็ไม่ชวนหนูไปติวแล้ว หนูเครียดมากทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน หนูอยากซิ่วไปเรียนมหาลัยอื่นเพราะคิดว่ามหาลัยที่มีเด็กสายปวชเรียนเยอะๆ สังคมที่นั่นน่าจะดีกว่า หนูเล่าให้แม่ฟังทั้งเรื่องเรียนและเรื่องเพื่อน แม่เค้าก็ไม่เข้าใจ เค้าชอบพูดว่า คนอื่นเรียนได้เราก็ต้องเรียนได้สิ่ หนูพยายามบอกถึงปัญหากับแม่ แม่ไม่เคยเข้าใจเลยกลับบอกให้หนูเรียนต่อไป หนูคิดว่าหนูไม่ไหว ต้องโดนรีไทล์ซักวัน . . .
ความต้องการ
ดิฉันอยากถามพระอาจารย์ว่า ดิฉันจะต้องทำอย่างไรดีค่ะ จะต้องพูดอย่างไรให้แม่เปลี่ยนใจได้บ้างค่ะ. หากแม่ยืนยันให้เรียนที่เดิม ฉันควรทำอย่างไรให้เพื่อนๆกลับมาเหมือนเดิมค่ะ
ชื่อผู้ถาม
กอหญ้า
วันที่เขียน
19 กันยายน พ.ศ. 2556 16:32:00
จำนวนคนเข้าดู
1466

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ลองคิดว่าเราไม่ได้แย่ที่สุดในห้องหรอกนะ คนที่ยังลำบากหาทางไม่ออกกว่าเราก็ยังมี บางทีการอยู่กับเพื่อนกลุ่มที่เค้าไปไกลกว่าเรามันอาจเป็นการกดดันตัวเราเองโดยไม่รู้ตัว คนเรามีสัญชาติญาณเป็นผู้นำในสถานการณ์คับขันอยู่ในตัวทุกคน หมายถึง เมื่อเราอยู่กับคนที่อาจจะอ่อนกว่าเราไม่ว่าเรื่องใด เราจะมีความรับผิดชอบที่ว่าต้องเป็นผู้นำเค้า หรืออาจจะทำให้เรามีกำลังใจที่จะขวนขวาย หาความรู้ เพื่อตัวเราเอง และมาเผื่อแผ่เพื่อนๆเหล่านนั้นด้วย ลองเปลี่ยนจากการเป็นผู้รับ (ไปติวกับเพื่อนที่กลุ่มที่เค้ามีพื้นฐานมากกว่า) เป็นผู้ใหญ่ ( รวมตัวกับเพื่อนที่ระดับเดียวกับเราหรืออ่อนกว่า) หากิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียน เพื่อนกลุ่มนี้ยินดีไปกับเราเสมอนะ ส่วนเรื่องคุยกับแม่ บางทีคนที่เกิดคนละยุคกับเรา เค้าอาจจะไม่มีความเข้าใจเรามากนัก การศึกษาสมัยนู้น กับสมัยนี้ สิ่งแวดล้อมการเรียนก็ต่างกัน บางทีแม่ก็ไม่รู้จะช่วยเรายังไงนะ อย่าไปน้อยใจแม่เลย หาเทคนิคการเรียนให้ตัวเอง ดูว่าเราช้าตรงไหน หาวิธี ช่วยตัวเราเองให้ได้ ถ้าขี้ลืมก็จด ถ้าจำยากก็หาวิธีลดข้อมูลที่ต้องจำ จำเฉพาะที่สำคัญ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เข้าหาอาจารย์ หาอาจารย์ที่เราเชื่อว่าคุยกับท่านแล้วเราได้ในสิ่งที่อยากรู้ ไม่ีจำเป็ฯต้องเป็นอาจารย์ในที่ที่เรียน ที่ไหนก็ได้ ชอบเล่นเน็ต ก็หา Social ที่เค้าพูดคุยกันเรื่องเรียนเรื่องนั้นๆที่เราอ่อน เพื่อนมีมากมายในโลกนี้ เพื่อนในห้องไม่ใยดี เพื่อนในโลกออนไลน์ ก็มีมากนะ ที่เค้าพร้อมจะให้ความรู้ โลกนี้ยังมีคนดีคนเก่งนะ ลองขวนขวายดู ใจเย็นๆ ช่วยตัวเองให้ได้ดีระดับหนึ่ง เมื่อทำได้ เราจะถูมิใจ วันข้างหน้าก็สบายแล้ว
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
20 กันยายน พ.ศ. 2556 20:18:54
คำตอบที่ 2
ขอขอบพระคุณมากค่ะ ทำให้หนูมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
กอหญ้า
วันที่เขียน
21 กันยายน พ.ศ. 2556 10:03:47
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร