ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

การทำความดี
รายละเอียด
หนูอยากปรึกษาว่าการทำความดี การทำบุญ กับการทำทาน และบริจาค เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ หนูนับถืออิสลามตามบรรพบุรุษแต่หนูชอบการเรียนรู้ศึกษาหาหนทางเป็นสุขสงบทางใจการดำเนินชีวิต หนูค่อนข้างจะหัวทันสมัย คือเคารพในกฎของเหตุและผล มากกว่าการนับถือแบบต้องเชื่อต้องทำตาม หนูไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่มองไม่เห็นคะ การภาวนา บนบานใดๆหนูไม่ค่อยทำ หนูคิดว่าการทำความดีคือการไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คิดดี ไม่ทำร้ายใคร ยอมเป็นผู้เสียเปรียบ ให้อภัย แล้วยังมีสิ่งไหนอีกมั้ยค่ะที่หนูควรจะทำที่เรียกว่าเป็นคนดี ส่วนมากหนูเห็นคนที่ชอบไปวัดทำบุญแต่จิตใจคับแคบเห็นแก่ตัว กราบไหว้บนบานเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่สนใจใครทำเพื่อตัวเอง บางคนไปวัดทำทาน บริจาคเลือด ทำบุญโลงศพ เพราะอาคาดมาดร้ายใครบางคนแล้วต้องไปปลดปล่อยด้วยการทำบุญทำทาน ทำไม่เราไม่ปลดปล่อยที่จิตใจเราเองละคะ การให้เราต้องเริ่มจากการให้คนใกล้ตัวเราก่อนใช่มั้ยค่ะ เมตตา คนรอบกายเราก่อนใช่มั้ยคะ ก่อนที่เราจะไปทำดีกับคนอื่นๆ หนูคิดถูกหรืเปล่าคะ ชีวิตหนูเจอะเจอแต่คนเอาเปรียบ ไม่ค่อยมีคนรักจริง ต้องเหนื่อยต้องทำต้องให้คนอื่นก่อนเสมอบางทีก็ได้รับตอบบางทีก็ไม่ได้อะไรเลย แต่หนูก็ไม่เคยหยุดคิดดี ยังคงคิดดีต่อไป การที่เขาไปนั่งสมาธิกันเพื่อทำจิตใจให้สงบ แต่หนูว่าอยู่ที่ไหนก็สงบถ้าเราพยายามสงบสติอารมณ์
ความต้องการ
หนทางทำความดีที่หนูคิดและทำอยู่มันถูกต้องหรือยังแล้วหนูต้องทำอย่างไรอีกเพื่อหาหนทางเป็นสุข มีชีวิตที่อบอุ่นราบรื่น
ชื่อผู้ถาม
ปาย
วันที่เขียน
24 สิงหาคม พ.ศ. 2556 14:06:26
จำนวนคนเข้าดู
1411

คำตอบ

คำตอบที่ 1
@ดอกไม้หอม ไม่จำเป็นต้องมีสี คนจะดี ไม่ได้อยู่ที่การปรุงแต่งใดๆให้ฉูดฉาด@ รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสได้พูดคุยกับคนดีคนหนึ่งบนโลกใบนี้ ขออนุโมทนาความคิดดี ทำดีของคุณ โดยสัญชาตญาณของคนที่จะเป็นคนดี ล้วนแล้วแต่รู้ในใจเสมอว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดี ในสถานการณ์ใดๆก็ตาม สิ่งที่ท่านคิดนั้นถูกต้องแล้ว เป็นหลักในการทำดี ง่ายๆที่คนธรรมดาสามัญอย่างเราๆสามารถประพฤติปฏิบัติกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องศึกษาพระธรรมหรือคัมภีร์อะไร ที่ลึกซึ้งหรือยากเกินที่คนหาเช้ากินค่ำอย่างเราจะเข้าใจ สิ่งที่สำคัญ ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน แต่ต้องไม่ได้คิดไปเสียเอง ว่าเขาไม่เดือดร้อน ให้หลับตานึกว่าถ้าเราเป็นเขา แต่ละการกระทำ จะวัดได้เองว่าดีหรือไม่ดี ควรรึไม่ควรทำ คุณมีจิตใจที่ดีงาม มีเหตุและผล ไม่จำเป็นว่าจะนับถือศาสนาอะไร การคิดดี ปรารถนาดีกับคนรอบข้างเป็นเรื่องดีทั้งนั้น จะขออ้างอิง จิตวิทยา ที่เคยมีประสบการณ์ทราบมาอยู่เรื่องหนึ่ง โดยปกติ คนเราจำแนกออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ คนประเภท A คือกลุ่มคนที่มีลักษณะ หรือ ธรรมชาติเป็นคนที่มีสังคมมาก เพียงแต่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรก็มีหมู่มิตรมากมายเข้ามารุมตอม ช่วยเหลือเกื้อกูลเสมอ คนประเภท B คือกลุ่มคนที่ต้องเข้าไปปฏิสัมพันธ์ หรือ ต้องอาจจะต้องหยิบยื่นไมตรีให้ใครไปก่อน แล้วจึงจะได้รับมิตรมา คนประเภท C คือกลุ่มคนที่โดยธรรมชาติอยู่อย่างปลีกวิเวก ไม่นิยมเข้าสังคม มีความคิดแปลกแยกแตกต่าง ดีร้าย ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม เหล่านี้ผนวกได้กับเรื่องกรรมเก่าบุญเก่าก็ได้ คุณเองอาจจะอยู่ในประเภท B ฉนั้นไม่ต้องคิดอะไรมาก เชื่อว่าในโลกนี้คนที่ได้สัมผัสกับน้ำใสใจจริงของคุณ ใน 1 ล้านคน ย่อมต้องมีบางคนที่อาจจะเฉยๆ หรือไม่ปลาบปลื้มอะไร ไม่ใช่เรื่องแปลก ยกตัวอย่าง พระเทศน์ดีมีชื่อเสียง เพียรทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนรับใช้ศาสนาไม่ขาดตกบกพร่อง ก็ใช่ว่าคนทั้งโลกจะชื่นชมยินดี ในภาระกิจของท่าน ย่อมมีบางคนที่มีอารมณ์ต่างๆนานา ปัจจัยเหล่านนั้น เราบังคับเค้าไม่ได้ การทำดีแล้วเกิดความอิ่มเอมในใจเรา เกิดปลาบปลื้มพอใจขึ้นมา ทำให้เรายิ้มได้ ทำให้เราภูมิใจ บนพื้นฐานคุณธรรม นั่นคือสิ่งที่ดี คนที่รับในสิ่งที่เราให้แล้วเกิดคิดทรยศหรือไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาจากเขา รึได้แต่สิ่งไม่ดีกลับมานั้น อย่าได้ไปกังวล หน้าที่ของเรานั้นจบสิ้นไปแล้ว สิ่งที่เค้ากระทำหลังจากนนั้น ไม่ใช่เหตุของเราอีกต่อไป เรื่องบนบานศาลกล่าวที่มีให้เห็น เหล่านั้น ไม่ใช่ความดี และก็ไม่ใช่ไม่ดี ซะทีเดียว การทำเช่นนั้นทางธรรมถือว่าไม่สมเหตุสมผล แต่ถือเป็นอุบายทำให้ใจมีที่พึ่ง มีกำลังใจ แต่ถ้าเห็นควรที่ดีที่สุดน่าจะต้องเพียรฝึกจิตใจให้สงบจะดีกว่า ความสงบไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลอย่างที่คิดนั้นถูกแล้ว จะมากน้อยก็อยู่ที่ใจเรานั่นเอง ................ หวังว่าจักเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 19:50:16
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร