ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

หนูไม่เข้าใจแม่ หรือแม่ไม่เข้าใจหนูกันแน่คะ
รายละเอียด
กราบนมัสการำระอาจารย์ค่ะ หนูขอปรึกษาเรื่อง การคิดเกี่ยวกับ "แม่" ของหนูค่ะ หนูทุกข์ใจเพราะ แม่มักดุว่าล่วงหน้า คือ เป็นเรื่องราว หรือเหตุการณ์ ที่ยังไม่เกิด แต่แม่คิดว่าจะเกิด ก็จะดุ ว่ากล่าวไปล่วงหน้าเสมอ และพอหนูรอแม่ว่าจนเสร็จ หนูก็จะอธิบาย และบอกแม่ถึงความรู้สึกเสียใจ ที่แม้คิดไม่เชื่อใจหนู ปรากฎว่าแม่น้อยใจ บ่นเสียใจเป็นการใหญ่ ที่พูดอะไรก็ไม่ได้.... คือ หนูจะต้องอธิบายยังไงดีคะ ทั้งที่พูดดีๆ อ่อนน้อม แต่แม่มักคิดำปอีกคนละอย่าง ไม่สบายใจเลยค่ะ ทำงานเหนื่อยแล้ว กลับบ้านมา แม่เป็นแบบนี้อีก ทุกวันนี้ อยู่กันแค่ 2คน แม่ ลูก แต่แม่เป็นแบบนี้ทุกวัน หนูต้องปรับจิตใจอย่างไรดีคะ ถึงจะไม่ขุ่นมัวไปกับภาวะอารมณ์ของแม่
ความต้องการ
กราบเรียนปรึกษา ดังนี้ค่ะ 1. หนูควรปรับวิธีคิด ของตัวเแงอย่างไรดีคะ หนูไม่อยากมีจิตใจขุ่นมัว กับการคิดคนละรื่องแบบนั้นของแม่เลย 2. พอมีโอกาส ที่แม่จะคิดตามเหตุ และผล บ้างหรือไม่คะ ทั้งที่แม่สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญเสมอ แต่ทำไมท่านยังเป็นทุกข์ กับสิ่งที่ตนเองคิดคะ
ชื่อผู้ถาม
คิ้ม
วันที่เขียน
23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 23:30:08
จำนวนคนเข้าดู
887

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1. หนูควรปรับวิธีคิด ของตัวเแงอย่างไรดีคะ หนูไม่อยากมีจิตใจขุ่นมัว กับการคิดคนละรื่องแบบนั้นของแม่เลย
ตอบ
ต้องฝึกเจริญสติให้รู้เท่าทันความจริงของทุกสิ่ง  ให้รู้ว่า เรายึดติดอะไร ยึดติดอย่างไร สิ่งที่เรายึดติดมันจีรังหรือแค่ชั่วคราว  ฟัง อ่าน และฝึกตามนี้ทุก ๆ วัน จะช่วยได้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143


2. พอมีโอกาส ที่แม่จะคิดตามเหตุ และผล บ้างหรือไม่คะ ทั้งที่แม่สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญเสมอ แต่ทำไมท่านยังเป็นทุกข์ กับสิ่งที่ตนเองคิดคะ

ตอบ
ให้อภัยแม่เสีย อย่านึกคิดว่าแม่คับแคบหรือไม่เข้าใจเรา ให้คิดว่า ทุกคนก็ไม่มีใคร Perfect ที่สุด ก็มีผิดพลาดบ้าง บกพร่องบ้างเป็นธรรมดา แม่อาจพูดผิดบ้างคิดผิดบ้าง แต่เพราะด้วยความปรารถนาดี เราก็แค่ฟัง ชี้แจงไป ส่วนแม่จะเชื่อหรือไม่นั่นเรืองแม่ ไม่ต้องไปบังคับให้แม่มาเชื่อเรา เพราะทุกสิ่งอย่างเรารู้ดีอยู่แล้ว ว่าอะไรเป็นไร

การทำบุญมี 3 วิธีใหญ่ ๆ ให้คือ 1. ถวายอาหาร/สิ่งของที่สมควรแด่พระสงฆ์ 2.  รักษาศีล และ 3. เจริญภาวนา
คนส่วนมากทำเฉพาะวิธีที่ 1 ส่วนวิธีที่ 2 ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนวิธีที่ 3 ภาวนา ไม่ค่อยทำกันเลย จริง ๆ ภาวนานั่นเอง จะทำให้คนหมดทุกข์ ปล่อยวางเป็น ละได้ เข้าใจสิ่งสมมุติกับสิ่งแท้จริงได้ และมีความสุขได้  วิธีที่แนะนำตามคำตอบข้อ 1 นั่นเอง คือการภาวนา

ควรชวนแม่ไปอยู่วัดฝึกเจริญสติภาวนาบ้าง จะดีมาก ไปกันสองแม่ลูกปีละ 2-3 ครั้ง ๆ ละ 5-10 วันจะได้ผลดีมาก
แนะนำตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=195

หรือตรงนี้  http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=186

หรือตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=150

ดูตรงนี้เพิ่มเติม
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=200

และตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=217
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00:58:32
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร