ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ทำไมไม่มีคนเข้าใจ
รายละเอียด
นมัสการพระอาจารย์ค่ะ ตอนนี้หนูกำลังประสบปัญหาท้อแท้หมดหวัง ทุกคนในชีวิตหนูคอยแต่ตั้งคำถามจับผิด ทั้งๆที่หนูทำดีมาตลอด เรื่องคือทุกวันนี้หนูต้องเรียนและทำงานไปด้วยและช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมหนูเลยไปรับจ้างทำสวนที่สวนของพ่อเพื่อนค่ะ งานหนักและเหนื่อยมากทำให้หนูไม่ได้ติดต่อครอบครัว และครแบครัวหนูก็ไม่เคยคิดที่จะโทรหาหนูเลยทั้งๆที่อยู่ใกล้กันมาก และทุกครั้งที่หนูโทรไปไม่เคยมีใครรับสายหนูเลย หนูเลยพยายามไม่คิดอะไรมากก้มหน้าทำงานต่อไป วันนี้หนูโทรไปหายายที่ต่างจังหวัดแกเล่าให้หนูฟังว่าตาบ่นให้หนูคิดว่าหนูติดผู้ชายบ้านช่องไม่ยอมกลับ โทรศัพท์ไม่ยอมติดต่อ หนูไม่เข้าใจค่ะว่าทำไม หนูเหนื่อย หนูทำงานจนมือแตกมือด้าน หนูไม่เคยแบมือขอเงินโดยที่หนูไม่เคยพยายามเลย และที่สำคัญหนูมีปัญหากับแม่ทุกครั้งที่คนอื่นพูดถึงแม่จะเป็นเรื่องหนี้สิน เป็นเรื่องที่แม่ไปโกงคนอื่นเท่านั้น ด้วยความที่หนูทั้งทำงานและเรียนจึงไม่มีเวลาที่จะรับโทรศัพท์แม่เท่าไหร่ แต่แม่ก็จะระแวงตลอดว่ามีคนมาเล่าอะไรให้หนูฟังไหม เวลาที่หนูไม่รับโทรศัพท์ในตอนที่เรียนหรือทำงานอยู่นั้น แม่ก็จะส่งข้อความมาหาหนูเสมอว่า "ต่อไปจะไม่รบกวนอีก" คนเป็นลูกต้องทำอย่างไรคะ หนูต้องอดทนเท่าไหร่ ล่าสุดมีปัญหากันใหญ่มากคือแม่เอาชื่อหนูไปแอบอ้างยืมเงินคนทั้งหมู่บ้าน ไปบอกว่าลูกใช้เงินเปลือง ต้องจ่ายค่าเทอม ค่าอื่นๆ ทั้งๆที่หนูไม่เคยแบมือขอเงินจากแม่เลยสักบาทค่ะ หนเจ็บปวดมาก นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่หนูไม่อยากกลับบ้านเลย หนูอายทุกครั้งที่ไปตลาดแล้วมีคนมาเล่าเรื่องแม่ให้หนูฟัง หนูใช้ชีวิตส่วนมากอยู่ที่มหาวิทยาลัยพร้อมกับความเก็บกดไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่าหนูเจ็บปวดแค่ไหน เพื่อนๆคนอื่นพ่อแม่เขาดัแสนประเสริฐแล้วทำไมหนูเป็นคนดี เรื่องดีๆทำไมไม่เข้ามาในชีวิตหนูบ้าง หนูเหนื่อยแล้วกับการใช้ชีวิตแบบไม่มีทางไป ทุกคนคอยเหยียบย่ำซ้ำเติมหนูตลอดเวลา หนูเหนื่อยมากค่ะ ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ทำไปเพื่ออะไร เคยคิดว่าเพื่อตัวหนูเองแต่หนูไม่เคยได้รับอะไรตอบแทนเลย ที่หนูไม่อยากคุยกับแม่เพราะ ทุกครั้งที่กลับไปคุยกันปัญหาซ้ำซากก็จะกลับมาอีก แม่ชอบตัดพ้อว่าหนู ล่าสุดแม่ส่งข้อความมาหาหนูว่า ลืมชื่อพ่อแม่หรือยัง ลืมหน้าพ่อแม่แล้วสิ หนูหมดแล้วค่ะ หมดกำลังใจ หมดทุกอย่างจริงๆในวันนี้ หนูคิดว่าการหายไปของหนูจะทำให้แม่คิดได้บ้างแต่ไม่เลย ยิ่งทำให้แม่โกรธหนู และหนูคือปัญหา หนูไม่มีที่พึ่งแล้วค่ะ ทางบ้านหนูก็บอกให้หนูเอารถที่หนูใช้ขี่ไปทำงานกลับบ้านทั้งๆที่หนูต้องใช้ขี่ไปทำงาน พวกเขาคงคิดว่าหนูจะเอาไปจำนำมั้งคะ เพราะทุกคนในบ้านมีรถขี่กันทุกคนแล้ว หนูเหนื่อยกับการมีชีวิตที่เจอแต่เรื่องร้ายๆแล้วค่ะ ช่องทางนี้คือช่องทางทีหนูคิดว่าหนูจะยังมีคนคอยรับฟังหนูบ้าง เรื่องของหนูมันอาจเหมือนนิยายน้ำเน่าที่แต่งขึ้น แต่หนูยืนยันค่ะว่าเป็นเรื่องจริง ใครไม่โดนกับตัวไม่มีทางรู้
ความต้องการ
หนูต้องทำอย่างไรต่อจากนี้ไปลมหายใจของหนูมันถึงจะมีค่าเสียที หนูต้องทนอยู่อย่างคนหมดกำลังใจอย่างนี้นานเท่าไหร่ และจะมีทางไหนบ้างคะที่จะพอให้หนูรู้ว่าลมหายใจหนูยังมีค่าอยู่ ขอบพระคุณค่ะ
ชื่อผู้ถาม
กำลังใจหาย
วันที่เขียน
12 มิถุนายน พ.ศ. 2558 20:32:07
จำนวนคนเข้าดู
1232

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1. แต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกัน มีความพร้อมไม่เท่ากัน แม่ของเราเกิดมา เขาก็ขาดแคลนบางอย่าง พยายามแสวงหาและเติม และก็เต็มไม่เต็ม จริง ๆ แม่เป็นอย่างไรนั้น เรื่องของของแม่ ถ้าเรายังช่วยแม่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ให้ทำหน้าที่ของเราก่อนคือเรียนให้จบด้วยความรู้จริงที่มากที่สุด แล้วค่อยทำงานจริงจัง นั่นแหละค่อยว่ากันว่า เราจะช่วยแม่ได้มากน้อยแค่ไหน การเงียบไปไม่ได้หมายถึงเราไม่คิดช่วยอะไร แต่ตอนนี้กำลังเรายังไม่มากพอจะช่วยได้เท่านั้น

2. หนูต้องแยกให้ออก ชื่อเสียง เป็นสิ่งสมมุติ ไม่มีอะไรเลย แค่สมมุติกัน ใครจะเอาชื่อหนูไปแอบอ้างไปทำอะไร มันก็ไม่ใช่หนู หนูไม่ได้ทำ หนูจะไปยึดติดทำไม ใครจะว่า จะนินทา จะถาม เราก็บอกไปเราไม่ได้ทำ ไม่รู้ด้วยว่า แม่ทำอย่างนี้ และควรคุยกับแม่ตรง ๆ ว่า อย่าเอาชื่อลูกไปอ้างแบบนั้นอีก ถ้าเขาไม่หยุด เราก็ห้ามอะไรไม่ได้ แต่หนี้สินพวกนั้น เราไม่ได้ก่อ แม่เป็นคนก่อนะ ไม่จำเป็นว่า เราจะต้องไปใช้แทน ในเมื่อเราก็ไม่มี

3. การได้ยินได้ฟังได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่ดีนักเกี่ยวกับเรา ไม่ใช่ว่า เราจะต้องไปยอมให้ความรู้สึกแย่ ๆ มาครอบงำเรา เรายังเป็นอิสระอยู่ เราไม่ได้ไปทำอะไรแย่ ๆ อย่างคนอื่นเขาว่า เราจะต้องไปสะทกสะท้านอะไร เราต้องนิ่ง มั่นคง และเดินหน้าสู่เป้าหมายชีวิตของเราอย่างแน่วแน่ ไม่ถอดใจ

4. จงระลึกไว้ว่า ความสุข ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนอื่นมาชื่นชมยินดีเรา ความทุกข์ ไม่ได้เกิดเพราะคนอื่นมานินทามาตำหนิเรา แต่สุขหรือทุกข์เกิดขึ้นเพราะใจของเราเองที่ไปยึดติดในคำพูดของคนอื่น ถ้าเราไม่หวั่นไหวกับเสียงนินทาเสียงชื่นชมของใครอื่นแล้ว เราจะสุขสบายยั่งยืนกว่า

5. จงสำนึกเสมอว่า ชีวิตเราที่เกิดมานี้มีคุณค่า ร่างกายครบ 32 สมบูรณ์แข็งแรงที่เราได้มานี้ เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่เรา แม้ว่าเราจะไม่ชอบการกระทำบางอย่างของพ่อแม่ แต่เราก็อย่าไปโกรธเกลียดพ่อแม่ ถ้าการออกห่างไว้ก่อน ทำให้เราก้าวหน้าขึ้น เราก็ทำได้ ไม่ผิดอะไร การอยู่ใกล้ชิดกันแล้วทำให้มีแต่ปัญหา ไม่เกิดประโยชน์อะไร ออกห่าง ๆ ไว้สักระยะจะดีกว่า

พ่อแม่บางคนนั้น คิดแต่ว่า ลูกตัวเองจะต้องหาเงินให้ตัวเอง ซึ่งเป็นความคิดผิด ๆ

6. เรื่องที่มีใครไปว่า เราไปกับผู้ชายหรืออะไรนั่น อย่าไปใส่ใจ ให้ฟังแล้วก็เฉยเสีย อย่าไปโกรธคนที่ว่า เพราะเขาไม่รู้จริง เขาน่าสงสารด้วยซ้ำที่พูดแบบผิด ๆ ถูก ๆ

7. จงบอกตัวเองเสมอ ๆ ว่า คนเราเกิดมานี้ แม้ว่าทุกข์ยากลำบากปานใด ก็ต้องอดทน คนอื่นไม่ว่าจะรวยจน เขาก็มีเรื่องทุกข์เรื่องลำบากในบางด้าน(ที่เราไม่รู้) ทั้งนั้น เตือนตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้ตัวเรา ให้ครอบครัว ให้สังคม ให้โลกเท่านั้น ส่วนคนอื่น เขาจะทำอย่างไร คิดอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรา เราไม่ต้องไปเรียกร้องให้ใครทำความดี แต่เราจะทำความดีเอง และทำโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ด้วย ใครจะมองเห็นความดีของเราหรือไม่ ช่างเขา ไม่ต้องไปเรียกร้องให้ใครเขามามองเห็น ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเป็นพอ

ตอบคำถาม
1. หนูต้องทำอย่างไรต่อจากนี้ไปลมหายใจของหนูมันถึงจะมีค่าเสียที
ตอบ อ่าน ฟัง และฝึกตามนี้ จะมีสติ มีความสงบ เข้าใจทุกอย่างตามเป็นจริง ฝึกให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ 2-3 ปี
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143

2. หนูต้องทนอยู่อย่างคนหมดกำลังใจอย่างนี้นานเท่าไหร่
ตอบ ถ้าละการยึดติดได้วันไหน หนูก็จะมีกำลังใจจากตัวเองขึ้นมาเอง

3. จะมีทางไหนบ้างคะที่จะพอให้หนูรู้ว่าลมหายใจหนูยังมีค่าอยู่
ตอบ จัดสรรเวลาให้ได้ ลาเพื่อน ๆ ไปอยู่วัดศึกษาปฏิบัติสักระยะ 4-10 วัน ไปบ่อย ๆ จะเห็นผลเร็ว
แนะนำตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=150
และตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=195

การศึกษาปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องและต่อเนื่อง จะแก้ปัญหาชีวิตได้ทุกอย่าง ส่วนการคิดอยากให้หมดปัญหาไปแต่ไม่ลงมือทำ นั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร

ฝึกหัดนอนไม่เกิน 21.30 น. ตื่นไม่เกิน 05.00 น. ตื่นมาแล้ว หัดสวดมนต์ หัดแผ่เมตตา หัดนั่งสมาธิ หัดเดินจงกรม ทำแบบนี้บ่อย ๆ จะช่วยได้มาก วันไหนที่ไม่เร่งรีบ ตอนเช้า ๆ หาอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ตักบาตรพระบ้าง ทำแบบนี้ก็จะช่วยได้มาก
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
13 มิถุนายน พ.ศ. 2558 09:20:55
คำตอบที่ 2
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
13 มิถุนายน พ.ศ. 2558 09:40:13
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร