1. แต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกัน มีความพร้อมไม่เท่ากัน แม่ของเราเกิดมา เขาก็ขาดแคลนบางอย่าง พยายามแสวงหาและเติม และก็เต็มไม่เต็ม จริง ๆ แม่เป็นอย่างไรนั้น เรื่องของของแม่ ถ้าเรายังช่วยแม่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ให้ทำหน้าที่ของเราก่อนคือเรียนให้จบด้วยความรู้จริงที่มากที่สุด แล้วค่อยทำงานจริงจัง นั่นแหละค่อยว่ากันว่า เราจะช่วยแม่ได้มากน้อยแค่ไหน การเงียบไปไม่ได้หมายถึงเราไม่คิดช่วยอะไร แต่ตอนนี้กำลังเรายังไม่มากพอจะช่วยได้เท่านั้น
2. หนูต้องแยกให้ออก ชื่อเสียง เป็นสิ่งสมมุติ ไม่มีอะไรเลย แค่สมมุติกัน ใครจะเอาชื่อหนูไปแอบอ้างไปทำอะไร มันก็ไม่ใช่หนู หนูไม่ได้ทำ หนูจะไปยึดติดทำไม ใครจะว่า จะนินทา จะถาม เราก็บอกไปเราไม่ได้ทำ ไม่รู้ด้วยว่า แม่ทำอย่างนี้ และควรคุยกับแม่ตรง ๆ ว่า อย่าเอาชื่อลูกไปอ้างแบบนั้นอีก ถ้าเขาไม่หยุด เราก็ห้ามอะไรไม่ได้ แต่หนี้สินพวกนั้น เราไม่ได้ก่อ แม่เป็นคนก่อนะ ไม่จำเป็นว่า เราจะต้องไปใช้แทน ในเมื่อเราก็ไม่มี
3. การได้ยินได้ฟังได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่ดีนักเกี่ยวกับเรา ไม่ใช่ว่า เราจะต้องไปยอมให้ความรู้สึกแย่ ๆ มาครอบงำเรา เรายังเป็นอิสระอยู่ เราไม่ได้ไปทำอะไรแย่ ๆ อย่างคนอื่นเขาว่า เราจะต้องไปสะทกสะท้านอะไร เราต้องนิ่ง มั่นคง และเดินหน้าสู่เป้าหมายชีวิตของเราอย่างแน่วแน่ ไม่ถอดใจ
4. จงระลึกไว้ว่า ความสุข ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนอื่นมาชื่นชมยินดีเรา ความทุกข์ ไม่ได้เกิดเพราะคนอื่นมานินทามาตำหนิเรา แต่สุขหรือทุกข์เกิดขึ้นเพราะใจของเราเองที่ไปยึดติดในคำพูดของคนอื่น ถ้าเราไม่หวั่นไหวกับเสียงนินทาเสียงชื่นชมของใครอื่นแล้ว เราจะสุขสบายยั่งยืนกว่า
5. จงสำนึกเสมอว่า ชีวิตเราที่เกิดมานี้มีคุณค่า ร่างกายครบ 32 สมบูรณ์แข็งแรงที่เราได้มานี้ เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่เรา แม้ว่าเราจะไม่ชอบการกระทำบางอย่างของพ่อแม่ แต่เราก็อย่าไปโกรธเกลียดพ่อแม่ ถ้าการออกห่างไว้ก่อน ทำให้เราก้าวหน้าขึ้น เราก็ทำได้ ไม่ผิดอะไร การอยู่ใกล้ชิดกันแล้วทำให้มีแต่ปัญหา ไม่เกิดประโยชน์อะไร ออกห่าง ๆ ไว้สักระยะจะดีกว่า
พ่อแม่บางคนนั้น คิดแต่ว่า ลูกตัวเองจะต้องหาเงินให้ตัวเอง ซึ่งเป็นความคิดผิด ๆ
6. เรื่องที่มีใครไปว่า เราไปกับผู้ชายหรืออะไรนั่น อย่าไปใส่ใจ ให้ฟังแล้วก็เฉยเสีย อย่าไปโกรธคนที่ว่า เพราะเขาไม่รู้จริง เขาน่าสงสารด้วยซ้ำที่พูดแบบผิด ๆ ถูก ๆ
7. จงบอกตัวเองเสมอ ๆ ว่า คนเราเกิดมานี้ แม้ว่าทุกข์ยากลำบากปานใด ก็ต้องอดทน คนอื่นไม่ว่าจะรวยจน เขาก็มีเรื่องทุกข์เรื่องลำบากในบางด้าน(ที่เราไม่รู้) ทั้งนั้น เตือนตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้ตัวเรา ให้ครอบครัว ให้สังคม ให้โลกเท่านั้น ส่วนคนอื่น เขาจะทำอย่างไร คิดอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรา เราไม่ต้องไปเรียกร้องให้ใครทำความดี แต่เราจะทำความดีเอง และทำโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ด้วย ใครจะมองเห็นความดีของเราหรือไม่ ช่างเขา ไม่ต้องไปเรียกร้องให้ใครเขามามองเห็น ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเป็นพอ
ตอบคำถาม
1. หนูต้องทำอย่างไรต่อจากนี้ไปลมหายใจของหนูมันถึงจะมีค่าเสียที
ตอบ อ่าน ฟัง และฝึกตามนี้ จะมีสติ มีความสงบ เข้าใจทุกอย่างตามเป็นจริง ฝึกให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ 2-3 ปี
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
2. หนูต้องทนอยู่อย่างคนหมดกำลังใจอย่างนี้นานเท่าไหร่
ตอบ ถ้าละการยึดติดได้วันไหน หนูก็จะมีกำลังใจจากตัวเองขึ้นมาเอง
3. จะมีทางไหนบ้างคะที่จะพอให้หนูรู้ว่าลมหายใจหนูยังมีค่าอยู่
ตอบ จัดสรรเวลาให้ได้ ลาเพื่อน ๆ ไปอยู่วัดศึกษาปฏิบัติสักระยะ 4-10 วัน ไปบ่อย ๆ จะเห็นผลเร็ว
แนะนำตรงนี้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=150
และตรงนี้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=195
การศึกษาปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องและต่อเนื่อง จะแก้ปัญหาชีวิตได้ทุกอย่าง ส่วนการคิดอยากให้หมดปัญหาไปแต่ไม่ลงมือทำ นั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร
ฝึกหัดนอนไม่เกิน 21.30 น. ตื่นไม่เกิน 05.00 น. ตื่นมาแล้ว หัดสวดมนต์ หัดแผ่เมตตา หัดนั่งสมาธิ หัดเดินจงกรม ทำแบบนี้บ่อย ๆ จะช่วยได้มาก วันไหนที่ไม่เร่งรีบ ตอนเช้า ๆ หาอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ตักบาตรพระบ้าง ทำแบบนี้ก็จะช่วยได้มาก
13 มิถุนายน พ.ศ. 2558 09:20:55