ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ชีวิต ม.6
รายละเอียด
คือตอนนี้หนูอยู่ม.6 ช่วงแอดมิชชั่นแหละค่ะ แต่พ่อแม่ไม่เข้าใจหนู ทั้งๆที่พ่อแม่หนูก็เป็นครู มักเอาไปเปรียบกับพี่สาว ทั้งๆที่หนูก็พยายามมากๆแล้ว อ่านหนังสือวันละ6ชม. ทำทุกอย่าง หนูเรียนพิเศษ แม่ก็จะว่า ทั้งๆที่หนูเรียนก็ไม่ได้เยอะมากมายเท่ากลายๆคน บางครั้งหนูจะซื้อหนังสือมาอ่านก็ว่าหนู แล้วเวลาคะแนนออกมาถ้าหนูทำมันได้ไม่ดีก็จะโดดด่าแรงๆ หนูหมดกำลังใจมาก หนูไม่รู้หนูต้องทำยังไง หนูพยายามแล้ว แล้ววันนี้คะแนนโอเน็ตออกหนูไม่กล้าดู หนูกลัวแม่ด่า แล้วจะต้องโดนเอาไปเปรียบกับพี่ กับลูกเพื่อนแม่ กับคนนู้นคนนี้ หนูไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร ปกติเวลาหนูไม่สบายใจหนูมีจะมีตาคอยปลอบ แต่ตาหนูเสียไปแล้ว หนูเครียดมากจริงๆนะคะ เครียดจนหนูคิดว่าหนูควรหายไปจากโลกเลยไหมแม่จะได้ไม่น้องมาบอกว่าหนูคอยเป็นภาระ
ความต้องการ
หนูควรทำยังไงดี หนูเครียด หนูกดดัน
ชื่อผู้ถาม
เด็กหญิงสุดซวย
วันที่เขียน
19 มีนาคม พ.ศ. 2558 19:40:59
จำนวนคนเข้าดู
893

คำตอบ

คำตอบที่ 1
พ่อแม่รักเรามาก เขาอยากให้เราได้ดี อยากให้เราเก่ง อยากให้เราก้าวหน้า อยากให้เราไม่ลำบากในระยะยาว เพราะคนเก่งคนมีความสามารถจะมีโอกาสทางอาชีพและรายได้มากกว่าคนปกติทั่วไปในวันหน้า คือสามารถทำงานได้ดีหาเงินคล่อง ประมาณนั้น
พ่อแม่เลยคาดหวังแบบนั้นกับเรา จึงพยายามกระตุ้นเราเพื่อให้ดูตัวอย่างจากคนอื่น ๆ (ซึ่งเราอาจรู้สึกว่าเปรียบเทียบ) จริง ๆ ก็ไม่ใช่ความผิดอะไรนักนะที่เขาจะคาดหวังแบบนั้น ถ้าพ่อแม่ไม่กระตุ้นเลยนี่สิแปลก ก็เหมือนปล่อยปละละเลย อาจทำให้เราคิดว่าพ่อแม่ไม่รักก็ได้

เราต้องขอบคุณพ่อแม่ที่รักและหวังดีกับเราเช่นนี้ หนูโชคดีที่มีพ่อแม่คอยห่วงใยอนาคตหนู แต่เมื่อเราทำได้แบบนี้ ทำได้แค่นี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเครียดจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือหลบหน้าหลบตาใคร

เราต้องยอมรับตัวเองก่อนว่า ด้วยวิธีการที่ผ่านมา เราทำได้แค่นี้ ก็ต้องยอมรับผลมัน แต่ถ้าหนูหาวิธีการใหม่ ๆ เปลี่ยนแนวในการดูหนังสือ เปลี่ยนวิธีการจัดการเวลา หาเทคนิคทักษะใหม่ ๆ เสริมเรื่อย ๆ วันหน้าหนูอาจทำได้ดีกว่าเดิมก็ได้

ยอมรับความจริง อย่าไปเสียใจหรือน้อยใจเมื่อมีคนมาวิจารณ์ หรือติ หรือนินทาเรา
ให้คิดว่า เสียงวิจารณ์เสียงนินทาเสียงตินั้น คือกระจกส่องให้เรารู้ตัวเอง จะดีกว่า ขอบคุณเขาด้วยที่วิจารณ์เรา
ให้คิดว่า เราคือคนธรรมดา ๆ ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังมีข้อบกพร่องที่ต้องปรับปรุงอยู่มาก และจะต้องพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมเรื่อย ๆ เมื่อเราคิดว่า เราแค่คนธรรมดา ดังนั้น ใครจะด่าจะว่า ก็พร้อมรับฟัง เชิญเลย เราเปิดใจรับฟังโดยไม่โกรธด้วย

ถ้าเราคิดว่า เราดีแล้ว เราเลิศแล้ว เรา perfect แล้ว คนอื่น ๆ ห้ามว่า ห้ามมาวิจารณ์ ห้ามมาติ 
แบบนี้ เราจะทุกข์ เพราะเรายึดติดตัวเอง

ไม่ว่าเราจะทำอะไรดีแค่ไหน เราอย่าไปยึดติดความดีนั้น ให้มุ่งทำต่อไป ไม่ต้องอวดโชว์

เราต้องคิดว่า เรายังบกพร่องอยู่นะ ยังต้องการปรับปรุงอยู่เสมอ คิดแบบนี้ เราจะสบายใจ ไม่ถือตัว

พ่อแม่อายุมากแล้ว อีกไม่นานนัก ก็จะต้องจากหนูไป
วันนี้ มีอะไรที่หนูพอจะทำให้พ่อแม่สุขใจได้ ทำไปเถอะ
เมื่อเราทำเต็มที่สุดกำลังแล้ว เรียนเต็มที่แล้ว ฝึกเต็มที่แล้ว ได้ผลอย่างไรก็ต้องยอมรับตามนั้น ไม่ต้องไปทุกข์หรือเครียดกับมัน

คนเราไม่เหมือนกัน แตกต่างกัน ความสามารถก็ต่างกัน ดังนั้น แม้ใครเขาจะเอาเราไปเปรียบเทียบกับใครก็ช่าง
เราก็เข้าใจว่า ไม่เหมือนกัน เราก็มีความสุขแล้ว ใครเก่ง ใครดี ใครเลิศ เราก็ดีใจกับเขาด้วย อย่าอิจฉาเขา
ใครด้อย ใครไม่ดี เราก็อย่าไปซ้ำเติมเขา 

ชีวิตอีกยาวนาน การเรียนเก่ง ไม่อาจรับรองได้ว่า จะประสบความสำเร็จในชีวิตเสมอไป
แต่คนที่รู้ตัวเอง เข้าใจตัวเอง ไม่เอาแต่ใจ ไม่ขี้ใจน้อย ไม่ขี้ประชด  มีความขยัน อดทน มุ่งมั่น ไม่ท้อแท้ ไม่สิ้นหวัง พยายามต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จะประสบความสำเร็จแน่นอน  

ฝึกหัดฝึกให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
อดีตที่ผ่านไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องดีไม่ดี ถือว่าจบไปแล้ว อย่าไปติดใจมัน
แค่เกรดต่ำ ไม่ต้องไปอายใคร โอกาสหน้ายังมี 

ขอให้สำนึกและขอบคุณพ่อแม่
ขออภัยพ่อแม่ ถ้าหากเราทำให้เขาเครียดไม่สุขใจ
นอบน้อม ไม่หน้างอ ไม่หงุดหงิด 
รู้จักอาสาช่วยงานพ่อแม่
ใช้เนตพอประมาณ เล่นมือถือให้น้อยลง ใช้เป็นเวลา
ไม่เห่อ ไม่หลงตัวเอง ไม่เห่อดารานักร้อง
ขยันค้นคว้า เรียนรู้ ฝึกทำกิจกรรมต่าง ๆ 
ไม่นานเลย หนูจะกลายเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์และมีความสามารถ

ฝึกฟังและฝึกปฏิบัติตามนี้บ่อย ๆ จะช่วยได้มาก
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143

ปิดเทอมยาว ๆ ชวนแม่ไปศึกษาธรรมนอกสถานที่บ้าง ไปอยู่วัด 3-5 วัน จะช่วยปรับเปลี่ยนทัศนคติได้มากเลย
แนะนำตรงนี้ http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=195

หรือตรงนี้  http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=186
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
19 มีนาคม พ.ศ. 2558 20:50:21
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร