ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ทางบ้านและครอบครัว
รายละเอียด
อยากปรึกษาปัญหาครอบครัวระหว่างคนทางบ้านกับแฟนนะครับ เนื่องจากผมได้แต่งงานแล้ว มีลูกแล้วอายุ 2 ขวบ 1 คน เรื่องมีอยู่ว่า ตอนแต่งเข้าบ้านผม ก็ไม่มีอะไร ปกติ แม่ของผมจะเป็นคนที่เรียบง่าย สบายๆ ส่วนคุณพ่อจะค่อนข้างดุ นอกจากนี้จะมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง ในช่วงแรกๆ แฟนของผมเข้ากันได้กับทุกคน จากนั้นหลังจากแต่งกันมาเกือบหนึ่งปี มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นคือ น้องสาวต้องการไปซื้อมือถือ แฟนก็อาสาว่ารู้จักกับคนในที่ทำงาน อาจจะพาให้เขาไปดูให้ แต่ช่วงเดือนนั้น ทั้งแฟนและผมรวมทั้งคนที่จะพาไปดูมือถือ ทำงานไม่ตรงเวลากัน ไม่ค่อยมีเวลา เพราะแฟนก็เพิ่งคลอดลูกมาได้ประมาณ 4-5 เดือน จากนั้นพอผ่านไปซัก 20 กว่าวัน แฟนทนไม่ไหวก็ไปด่าแฟน ถึงขั้นด่าถึงพ่อและแม่ของแฟน ช่วงแรกๆ แฟนก็ไม่ค่อยเอาความเท่าไหร่ แต่จากนั้นน้องสาวเหมือนจะหาเรื่องบ่อยขึ้น นับวันยิ่งรุนแรงขึ้น จนแฟนทนไม่ไหว ซึ่งผมเองก็บอกทั้งแฟนว่าทนหน่อยตามคำบอกของคุณแม่คุณพ่อ และไปบอกคุณแม่คุณพ่อแล้ว ว่ามันเกินไปแล้วนะ อย่างนี้ แต่คำตอบของคุณแม่ที่บอกมาคือ เมื่อก่อนคุณแม่ก็โดนอย่างนี้ เป็นน้องสาวของคุณพ่อ มาทำร้ายคุณแม่ ให้ทนไปก่อน ผมก็ถามคุณแม่ต่อไปว่า ตอนนั้นคุณแม่ไม่ได้ทำงาน ทำแค่เป็นแม่บ้านให้กับที่บ้าน แต่แฟนทำงานนอกบ้านด้วย ทำงานในบ้านด้วย และต้องนำเงินให้คุณแม่อีก 2,000 บาท และยังต้องซื้อของหลายๆ อย่างเข้าบ้านอีก อีกทั้งพอมีงานเทศกาล เช่น ตรุษจีน แฟนกับผมรวมกันออกเงินอยู่ที่ 8,000-9,000 บ้าน ซึ่งผมกับแฟนทำงานก็ใช่ว่าจะได้เงินเดือนเยอะ ภาระก็มีลูก แต่คนอื่นไม่มีใครช่วย คุณแม่ก็ได้แต่บอกว่า ซักวันน้องสาวแต่งงานก็ไปอยู่กับคนอื่นแล้ว แต่ช่วงนั้นคุณแม่และคุณพ่อก็ยังเข้าข้างแฟนอยู่บ้าง จนลูก 2 ขวบก็เกิดปัญหาอีกตรงที่ว่า ช่วงหน้าหนาว ผมกับแฟนต้องการให้ลูกอาบน้ำอุ่น ซึ่งเครื่องทำน้ำอุ่นแฟนเป็นคนซื้อมาติดให้ทุกคนไว้ใช้ ซึ่งทุกคนในบ้านจะรู้กันหมดว่า แฟนจะพาลูกไปอาบน้ำตอนกี่โมง แต่น้องสาวเหมือนจะแกล้ง ชิงตัดหน้า ผมกับแฟนก็เลยไปพูดกับคุณแม่ จากนั้นไม่นาน น้องสาวก็ออกมาด่าแฟน และทิ้งท้ายคำว่า คนนอกมาทีหลังก็ควรไปๆ ซะรกบ้าน แฟนก็เถียงเพราะทนไม่ไหวแล้ว จากนั้นน้องสาวก็มาด่าผมอีก ทำให้ทุกคนในบ้านมองว่าผมเข้าข้างแฟน และน้องสาวบอกว่าผมเป็นคนทำให้ทุกคนทะเลาะกัน จากนั้นไม่นานคุณแม่และคุณพ่อก็ไม่คุยกับแฟนอีกเลย และคุณแม่มาบอกผมว่า แต่งกับแฟนคนนี้เข้ามาไม่ทำงานบ้านอะไรเลย ผมก็ไปถามแฟน แฟนบอกว่า ถามทุกครั้งว่ามีอะไรให้ทำบ้าง และแฟนก็ยังบอกอีกว่า ทุกครั้งที่ถามไปคุณแม่จะเฉย เหมือนไม่ได้ยิน บ้างก็บอกปฏิเสธ ทั้งๆ ที่ยังมีงานอยู่อีกทำให้แฟนอึดอัดใจ ทั้งนี้คุณแม่จะสนิทกับน้องสาว และนอนห้องเดียวกัน ส่วนผมนอนอีกชั้นหนึ่งกับแฟนและลูก ผมกับแฟนก็เลยมีความคิดว่าจะไปอยู่ข้างนอก เป็นหอพัก และจะส่งลูกเข้าเรียน แต่คำตอบที่ได้มาจากคุณพ่อคือ ไม่ให้ไป แฟนผมเป็นคนหยิ่ง ผมก็เลยงง ซึ่งคำว่าหยิ่งผมได้ยินมาจากน้องสาวเป็นคนแรก ตอนที่ทะเลาะกันได้ซักพักแล้ว แล้วก็บอกว่า ถ้าไปอยู่ที่อื่น ตัดขาดกันระหว่างพ่อลูก ไปแล้วไปเลย และทิ้งลูกไว้ให้คุณพ่อและคุณแม่เลี้ยง ซึ่งผมเองตัดคุณพ่อไม่ได้หรอก ก็ไปปรึกษากับแฟน ก็เลยได้ข้อสรุปว่า ตั้งใจจะให้แฟนเอาลูกไปอยู่หอพักด้วย แต่คุณพ่อไม่น่าจะให้ และผมก็คิดอีกอย่างว่า ผมกับแฟนจะหย่ากัน ปัญหาตรงนี้จะได้หมดๆ กันไป เพราะตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ผมควรทำอย่างไร ผมผิดใช่หรือเปล่าครับ หรือว่าใครผิด ก่อนแต่งเข้ามาน้องสาวก็เคยกัดผมอยู่แล้ว และเคยเล่าให้แฟนฟังแล้ว แต่ ณ ตอนนั้น แฟนและน้องสาวเข้ากันได้ดี อยากได้คำปรึกษาจริงๆ ครับ เพราะตอนนี้ทุกคนในบ้านก็มองแฟนว่าเป็นคนหยิ่ง ไม่ช่วยทำงานบ้าน ทำทางเดินสกปรกแล้วไม่กวาดไม่ถู ซึ่งปัญหาทางเดินสกปรกแล้วไม่กวาดไม่ถูนั้น ผมได้คุยกับคุณแม่แล้วว่า แฟนไม่ได้ทำสกปรก และกวาดและถูจริงๆ คุณแม่ก็บอกว่าผมให้ท้ายแฟน ช่วยแก้ตัวให้แฟน ผมก็เลยบอกกับคุณแม่ว่า ผมมีบันทึกวิดีโอไว้ตรงทางเดินว่า ใครเป็นคนทำสกปรก (ซึ่งเป็นภาพที่น้องสาวสะบัดผมตอนสระผม และนำผมที่หลุดร่วงขาดทิ้งไว้ตรงทางเดินนั้น) จากนั้นคุณแม่ก็เปลี่ยนเรื่องคุย ตอนนี้ผมเครียดจริงๆ ครับ หาทางออกให้ผมหน่อยเถอะครับ ถือว่าผมขอร้องละครับ ขอบคุณมากครับ
ความต้องการ
อยากทราบวิธีการแก้ไขนะครับ ว่าผมควรทำอย่างไร แฟนควรทำอย่างไร ถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ ในเมื่อจับเข่ามาคุยกันก็ไม่ได้ ไม่คุยกันอีก
ชื่อผู้ถาม
ED
วันที่เขียน
4 มีนาคม พ.ศ. 2558 22:46:45
จำนวนคนเข้าดู
1479

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1. หาซื้อบ้านใหม่และย้ายออกไปอยู่กันเอง แบบนี้ดีที่สุด รีบเลย

2. ชวนกันไปศึกษาปฏิบัติธรรมบ่อย ๆ ทั้งครอบครัว  (ที่ทะเลาะกัน เพราะทุกคนยังปฏิบัติธรรมได้ไม่ดีพอ)

แนะนำที่นี่ http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=195

หรือทีนี่ http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=186

ถ้ายังไม่ไป แนะนำให้ทุกคนฟังและฝึกตามนี้ ฝึกบ่อย ๆ ต่อเนื่องไป 9 เดือน ได้ผลแน่นอน
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
5 มีนาคม พ.ศ. 2558 01:01:47
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร