ชวนทั้งพ่อแม่ลูก ไปศึกษา ไปเจริญสติภาวนาที่วัดสักระยะ
3-5 วัน เราต้องจัดการเวลา จัดสรรเวลาสำหรับอาหารใจคือธรรมะให้ได้ เพราะอาหารกาย เรายังกินทุกวัน
แต่อาหารใจ ก็ต้องมีให้ทุกวันเช่นกัน และการย้ายไปอยูวัด ก็เหมือนกับได้ detox ใจ ได้ห่างจากบ้าน จากสิ่งที่เป็นห่วงต่าง ๆ
ว่ากันที่จริงแล้ว ชีวิตแต่ละคนก็ไม่มีอะไรมากมาย
แค่เกิดมา เติบโตขึ้น ก็รักและหวงแหนกัน
บางคนก็เบื่อหน่ายกัน ก็ไปหาคนใหม่ แตกแยกเลิกรากันก็มี
ความอยากมนุษย์ เอาอะไรมาเติมก็ไม่มีวันเต็ม ไม่มีวันพอ จนกว่าจะหยุดเอง หรือร่างกายไม่ไหว หรือไม่มีความสามารถจะไปหาได้
บอกแม่ไปว่า อีกไม่นาน แม่กับพ่อก็ต้องจากกัน แม้ลูกก็ต้องจากไป
ทุกคนมีเวลาเป็นของตัวเอง และอยู่ด้วยเวลาที่สั้นและจำกัดมาก ไม่ถึง 100 ปีก็จากโลกนี้ไปแล้ว
ทำไมแม่ไม่รู้จักปล่อยวางบ้างล่ะ แค่ผัวหรือสามี มันคนละชีวิตกับเรานะ
แค่มาอยู่ด้วยกันชั่วคราว จะมายึดว่าเขาจะยั่งยืนเที่ยงแท้กับเรา คงไม่ได้
เราไม่สามารถไปทำให้ใครเป็นคนดีอย่างที่เราคิดและต้องการได้ทั้งหมดหรอก
เขาเลว ก็เป็นเรือ่งของเขา เขาดีก็เป็นเรือ่งของเขา
เมื่อคุยกันเข้าใจแล้ว เคลียร์แล้ว ก็น่าจะจบ
ถ้าอยู่ด้วยกันแล้ว ต้องกล้ำกลืนหมองเศร้า เครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับ
มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้ไปทางใครทางมันแล้วสุขสดชื่นไม่ดีกว่าหรือ
หรือถ้าไปทางใครทางมันแล้ว ก็ยังไม่มีความสุขอีกล่ะ จะทำอย่างไร
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจอะไร ก็ต้องมาคุย มาอยู่ด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันตอนที่ยังพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกนี่แหละดีที่สุด
เขาก็ต้องปรับ เราก็ต้องปรับ
เพื่อให้อยู่กันได้ อนาคตไม่ใช่อยู่ที่คนอื่น ก็อยู่ที่ 2-3 คนนี้เอง
ถ้ายังรัก ยังเคารพ ยังนับถือกัน
มีอะไรที่ทำให้กันและกันมีความสุข ก็ช่วยกันทำ
ชวนแม่ ชวนพ่อ และ (ทั้งหมด) ไปที่นี่เลย ไปอยู่สัก 5 วัน ทำได้ไหม
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=186
2 สิงหาคม พ.ศ. 2557 10:48:20