ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

แม่มาระบาย เรื่องพ่อมีแอบคุยกับผู้หญิงทุกวัน
รายละเอียด
คือครอบครัวหนู มีปัญหาเรื่องพ่อแอบมีกิ๊กกักมาหลายครั้ง และทุกครั้ง แม่จับได้ และก็จบปัญหา แต่ครั้งนี้ หนูโตพอจะรับรู้ปัญหาทุกอย่างของบ้าน (หนูอายุ21)แม่เล่าว่าพ่อแอบไปมีกิ๊กอีกแล้ว โดยการคุยโทรศัพท์ พอแม่จับได้พ่อก็บอกเหมือนทุกๆครั้งว่าจะเลิก พ่อก็ใช้วิธีคุยทางไลน์และใส่รหัสมือถือ แม่เห็นพ่อเปลี่ยนไปจากเดิมนั่งเล่นมือถือทุกคืน จึงเรียกพ่อมาเคลีย โดยให้หนูเป็็นคนเปิดไลน์ให้ดู หนูเห็นทุกคำพูดของพ่อที่คุยกับผู้หญิงคนนั้นแบบชู็สาว ป้อนคำหวาน รวมถึงการซื้อแหวนให้กัน และนัดเจอกัน (ในวันเดียวกับที่พ่อบอกแม่ว่่ามีประชุม)สรุปวันนั้นมีหลักฐานครบ แม่พร้อมจะคุยกับพ่อแบบเคลียๆว่าจะเอาไง จะเลิกคุยกับมันหรือเลิกกับแม่ ใจฉันเข้าข้างแม่เต็มที่เพราะแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่อีกใจก็ไม่อยากให้ครอบครัวแตกแยก สรุปพ่อแก้ตัวว่าแค่คุย คุยเล่นๆไม่มีอะไรเกินเลย แต่หลักฐานคือบทสทนาในไลน์ทั้งหมด พ่อไม่สามารถไปทางไหนได้อีกแล้ว เราต่างบอกถึงความผิดที่พ่อได้ทำ เปรียบว่าถ้าแม่เป็นแบบพ่อบ้างละ พ่อกลับตอบอย่างเย็นช้าว่าก็ไม่เป็นอะไร เพราะพ่อก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วแค่คุย แต่แม่กลับไม่เชื่อ และชี้ขาดว่าพ่อจะเลิอกกับผู้หญิงคนนั้นหรือเลือกแม่ พ่อก็บอกกลับมาเหมือนครั้งก่อนๆว่า พ่อก็ต้องเลือกแม่อยู่แล้ว ถ้าพ่อจะไปจริงๆพ่อไปนานแล้ว แม่และหนูฟังจบแค่คำพูดนี้ หนูสบายใจเรื่องครอบครัวยังอยู่ แต่แม่กลับ เป็นกังวลว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกละจะทำยังไง แม่คิดว่า แม่ให้อภัยพ่อมากไปรึป่าว แม่จะทนอยู่กับพ่อที่มักพูดว่า"ความเจ้าชู้เป็นธรรมาติของผู้ชาย แม่ต้องใจกว้าง "ได้อีกนานแค่ไหน จะมีวิธีไหนที่ทำให้พ่อหยุดความคิดเจ้าชู้หลายใจ ที่ทำให้แม่เจ็บใจอยู่บ่อยครั้งได้บ้าง แม่คิดแบบนี้วนไปวนมาจนทำงานไม่ได้ นอนไม่หลับ หนูเห็นแม่เป็นแบบนี้หนูก็เครียดตาม จนบ้างครั้งคิดว่าเรื่องจบแล้วแม่ก็น่าจะจบ และเชื่อใจพ่อก็พอ หนูไม่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดของแม่ได้จริงๆ การที่แม่เศร้าแบบนี้ทุกวันมันทำให้บ้านเราเศร้าไปกันหมดทั้งบ้าน ทั้งๆที่หลังจากวันที่เคลียร์กับพ่อ พ่อก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือกลับบ้านเร็ว ไม่นั่งเขี่ยโทรศัพท์ทั้งวันอย่างเมื่อก่อน หนูว่าพ่อเคร้าก็กลับมาเป็นพ่อคนเดิมแล้วนะ แต่แม่ยังไม่เลิอกคนวนเวียอยู่กับเรื่องเดิม
ความต้องการ
หนูควรทำอย่างไรดีคะ หนูควรพูดกับแม่ว่าอะไร ที่จะทำให้แม่ดีขึ้น และทำให้พ่อเป็นพ่อที่ดีของครอบครัวเหมือนเดิม เลิกอ้างว่าความเจ้าชู้เป็นธรรมชาติของผู้ชาย(ที่ไม่ดี)สักที ขอบคุณสำหรับคำตอบดีนะค่ะ
ชื่อผู้ถาม
หนูเกี๊ยว
วันที่เขียน
1 สิงหาคม พ.ศ. 2557 15:23:58
จำนวนคนเข้าดู
1846

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ชวนทั้งพ่อแม่ลูก ไปศึกษา ไปเจริญสติภาวนาที่วัดสักระยะ
3-5 วัน เราต้องจัดการเวลา จัดสรรเวลาสำหรับอาหารใจคือธรรมะให้ได้ เพราะอาหารกาย เรายังกินทุกวัน
แต่อาหารใจ ก็ต้องมีให้ทุกวันเช่นกัน และการย้ายไปอยูวัด ก็เหมือนกับได้ detox ใจ ได้ห่างจากบ้าน จากสิ่งที่เป็นห่วงต่าง ๆ

ว่ากันที่จริงแล้ว ชีวิตแต่ละคนก็ไม่มีอะไรมากมาย 
แค่เกิดมา เติบโตขึ้น ก็รักและหวงแหนกัน
บางคนก็เบื่อหน่ายกัน ก็ไปหาคนใหม่ แตกแยกเลิกรากันก็มี 
ความอยากมนุษย์ เอาอะไรมาเติมก็ไม่มีวันเต็ม ไม่มีวันพอ จนกว่าจะหยุดเอง หรือร่างกายไม่ไหว หรือไม่มีความสามารถจะไปหาได้

บอกแม่ไปว่า อีกไม่นาน แม่กับพ่อก็ต้องจากกัน แม้ลูกก็ต้องจากไป 
ทุกคนมีเวลาเป็นของตัวเอง และอยู่ด้วยเวลาที่สั้นและจำกัดมาก ไม่ถึง 100 ปีก็จากโลกนี้ไปแล้ว

ทำไมแม่ไม่รู้จักปล่อยวางบ้างล่ะ แค่ผัวหรือสามี มันคนละชีวิตกับเรานะ
แค่มาอยู่ด้วยกันชั่วคราว จะมายึดว่าเขาจะยั่งยืนเที่ยงแท้กับเรา คงไม่ได้
เราไม่สามารถไปทำให้ใครเป็นคนดีอย่างที่เราคิดและต้องการได้ทั้งหมดหรอก
เขาเลว ก็เป็นเรือ่งของเขา เขาดีก็เป็นเรือ่งของเขา
เมื่อคุยกันเข้าใจแล้ว เคลียร์แล้ว ก็น่าจะจบ

ถ้าอยู่ด้วยกันแล้ว ต้องกล้ำกลืนหมองเศร้า เครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับ
มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้ไปทางใครทางมันแล้วสุขสดชื่นไม่ดีกว่าหรือ

หรือถ้าไปทางใครทางมันแล้ว ก็ยังไม่มีความสุขอีกล่ะ จะทำอย่างไร
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจอะไร ก็ต้องมาคุย มาอยู่ด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันตอนที่ยังพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกนี่แหละดีที่สุด

เขาก็ต้องปรับ เราก็ต้องปรับ
เพื่อให้อยู่กันได้ อนาคตไม่ใช่อยู่ที่คนอื่น ก็อยู่ที่ 2-3 คนนี้เอง

ถ้ายังรัก ยังเคารพ ยังนับถือกัน 
มีอะไรที่ทำให้กันและกันมีความสุข ก็ช่วยกันทำ

ชวนแม่ ชวนพ่อ และ (ทั้งหมด) ไปที่นี่เลย ไปอยู่สัก 5 วัน ทำได้ไหม
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=186
 
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
2 สิงหาคม พ.ศ. 2557 10:48:20
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร