ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ขออนุญาตรบกวนเวลาพระอาจารย์
รายละเอียด
เนื่องจากโยมได้ตั้งกระทู้ปรึกษาพระอาจารย์ในหัวข้อ"ทำไงดี" ไปเมื่อวันที่15 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื้อความประมาณว่า โยมแอบไปมีสัมพันธ์กับคนที่มีครอบครัวแล้ว แต่มีเหตุสุดวิสัยทำให้โยมไม่สามารถเข้าดูคำปรึกษาของพระอารย์ในกระทู้นั้นได้ จึงขอรบกวนพระอาจารย์ช่วยcopyคำปรึกษาของพระอารย์มาไว้ในกระทู้นี้ให้โยมทีค่ะ ตอนนี้ไม่สบายใจเลย นมัสการ ขอบพระคุณค่ะ
ความต้องการ
.
ชื่อผู้ถาม
นี
วันที่เขียน
18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 06:56:00
จำนวนคนเข้าดู
1059

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ตามนี้อีกครั้งนะ
ความสุขมี 3 ระดับ คือระดับกาม ระดับฌาณ และระดับญาณ
มนุษย์ส่วนมากจะคิดว่า ความสุข คือได้กิน ได้ฟัง ได้ดม ได้ชิม ได้สัมผัส ตามที่ตนเองต้องการ นั่นถือว่าเป็นความสุขที่สุดของชีวิต นี่คือความสุขระดับกาม

การบำเพ็ญสมาธิภาวนา จิตสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน สะสะไปเรื่อย ๆ จะเป็นความสุขระดับฌาน
การเข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจธรรมะ ตามความเป็นจริง เป็นความสุขระดับญาณ หรือปัญญาที่แท้จริง

ลองมองดูสิ ทุกปัญหาของมนุษย์ที่เดือดร้อนกัน ก็เพราะวุ่นวายในเรื่องพวกนี้
อย่างไรก็ตามสุขจากเรื่องพวกนี้ มันเป็นสุขชั่วคราว สุขเล็กน้อย สุขเจือปนทุกข์ ไม่ยั่งยืนนาน
และเพราะคิดว่า สิ่งเหล่านี้คือความสุขที่แท้จริง จึงทำให้คนหลายคนไปทำผิดทำพลาดอย่างมากในชีวิต

ไม่ว่า เราจะทำกรรมอะไรไว้ สุดท้ายกรรมนั้น จะให้ผลของมันเสมอ กรรรม แปลว่า กระทำ
ถ้าทำดี ต้องได้ผลดีแน่นอน
เราทำไม่ดี ต้องได้ผลที่ไม่ดีแน่นอน
แต่มันจะให้ผลวันไหนนั้น ยากจะบอกได้ อาจวันนี้ พรุ่งนี้ ปีนี้ ปีหน้า ปีต่อ ๆ ไป ชาติต่อ ๆ ไป
เมื่อผลแห่งกรรมไม่ดีให้ผล มนุษย์มักตีโพยตีพาย ทำไมจีงเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่ได้ดั่งใจ บ้างก็โทษดวงชะตา บ้างก็ว่า ซวย
เมื่อผลแห่งกรรมดีให้ผล ก็มักจะหลงใหลเคลิ้มและยึดติด หวงแหน อยากได้ผลแบบนั้นอีกซ้ำ ๆ มาก ๆ ยิ่งขึ้น

วานนี้ วันนี้ ถ้าเราไปยุ่งกับคู่ครองของเขา เมื่อเรามีคู่ครอง ก็อาจมีคนอื่นมายุ่งกับคู่ครองของเรา
หรือแฟนเรานำโรคภัยมาติดต่อให้กับเรา นั่น ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็จงรับรู้ว่า นี่เพราะกรรมที่เราได้ทำในช่วงเวลาที่ผ่านมานั่นเอง ถ้าเราปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคนนั้นไปกับคนโน้นไปเรื่อย ก็มีโอกาสที่จะติดโรคหรือได้รับประณามหยามเหยียดในภายหลัง ว่าใจง่าย มั่วฯลฯ สารพัดที่จะโดน

มนุษย์ในวัยเจริญพันธุ์ ธรรมชาติจะสร้างกลไกเพื่อให้มีความต้องการเพื่อสืบพันธุ์ การจะไปทำให้หมดความต้องการเลย คงยาก เว้นแต่จะปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมขั้นสูงระดับอนาคามี

แต่การที่เรารู้ว่า ธรรมชาติของเราเป็นอย่างไร ถูกกระตุ้นได้ง่ายอย่างไร ถือว่าเป็นเรืองดี ให้ออกห่างจากสภาพแวดล้อมที่มันกระตุ้นหรือปลุกเร้าไปทางนั้น จะช่วยได้ พวกภาพ หนัง หรือการพูดคุยในเรื่องที่ชักจูงไปทางนั้นให้ห่างออกไป ทำแบบนี้จะช่วยได้
พบเจอคนที่ถูกใจ ก็ให้ตัดใจออกไป อย่าไปสนใจให้คิดว่า พรุ่งนี้ เราอาจไม่ได้มีลมหายใจอยู่ก็ได้ ดังนั้น อะไรเป็นสิ่งที่ดีตามธรรมะตามศีล เราจะทำสิ่งนั้นให้มากที่สุด จะไม่เผลอตัวไปทำสิ่งไม่ดี

ไม่หมกมุ่นกับมัน ให้มองดูธรรมชาติชีวิตคนทั่ว ๆ โน่น ...คนแก่ที่เจ็บป่วยนอนโอดครวญในโรงพยาบาล มองดูเด็กน้อย ๆ ที่ถูกทอดทิ้งจำนวนมาก ให้มองดูคนทุกข์ยากที่เขาต้องการคนช่วยเหลือ มองดูคนติดโรคจากเรื่องเพศ ติดโรคร้ายต่าง ๆ มองดูว่า ผู้หญิงที่ไม่หักห้ามตัวเอง และปล่อยตัวไปในทางแบบนี้ว่า สุดท้ายแล้ว ชีวิตเป็นออย่างไร ให้มองดูภาพผู้หญิงที่ตามหาแฟนตัวเอง ไปเจอแฟนอยู่กับผู้หญิงใหม่ ทะเลาะวิวาท ตบตีกัน ฯลฯ

การรู้จักและหักห้ามตัวเองได้ คือการชนะที่ดีกว่าการชนะทุกอย่างในโลกนี้ การปล่อยตัวปล่อยใจไปตามที่ตนเองต้องการ จะเป็นหนทางให้เราประสบกับความเสียหายในที่สุด

วิธีการนั้น ไม่มีอะไรดีกว่า การฝึกเจริญสติให้รู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา การฝึกเจริญภาวนาให้อยู่กับปัจจุบัน
เราต้องฝึก ต้องหัด ถ้าเราปล่อยเลยไปตามเลย ก็จะเสพติดและเมื่อไม่ได้ดั่งใจก็จะหงุดหงิด โกรธและอาจทำร้ายตัวเองและคนอื่นได้

ฝีกฟังและปฏิบัติเพื่อเจริญสติตามนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
ฝึกได้จริงหรือ ถ้าเราตั้งใจ ทนฟังทนฝึกทุกข์วัน มันก็ฝึกได้แน่นอน

ถ้าจะให้ดี แนะนำให้จัดคอร์สให้ตัวเองไปศึกษาปฏิบัติธรรม เพื่อคลายความยึดความติดตรงนี้ลง อาจไประยะสั้น ๆ 3-5 วัน แต่ไปบ่อย ๆ ก็ดี

แนะนำให้ไปตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=150

หรือตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=186

หรือตรงนี้ http://www.wattamaoh.org/home/

ข้อดีของมนุษย์คือ เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ เราอยากได้ดี ก็ฝึกไปทางดี เราอยากได้ผลร้ายก็ฝึกไปทางร้าย
ไม่ต้องไปสนใจคนอื่น จงมองดูและปลุกตัวเองให้ฝึกหัดตัวเองให้ได้เป็นพอ

ทุกวันก่อนนอน สักระยะสั้น ๆ 30 นาที
นั่งสมาธิอย่างมั่นคง
เดินจงกรมอย่างสม่ำเสมอ
กราบพระอย่างนอบน้อม
สวดมนต์อย่างแน่วแน่
แผ่เมตตาอย่างไม่จำกัดปริมาณ
ถ้าทำแบบนี้ต่อเนื่องไป 6 เดือน
หนูจะกลายเป็นคนใหม่
คนที่เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจธรรม
และจะมีความก้าวหน้ารุ่งเรืองต่อไปไม่จบสิ้น
ลองดู
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 09:42:51
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร