ในโลก ไม่มึใครสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครโชคดีไปทุกเรื่อง ที่ว่าสวยงามอยู่บ้านใหญ่โต ก็ใช่ว่า จะมีความสุขเสมอไป
ชีวิตมนุษย์เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์ เพื่อประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรม เพื่อพัฒนาตัวเองให้มีความสุข
ความสุขนั้น จุดสำคัญอยู่ที่ตัวเรา รู้จักตัวเองแค่ไหน เข้าใจโลกเข้าใจชีวิตแค่ไหน
การไม่มีความสมบูรณ์ในทางครอบครัว ก็ใช่ว่า เราจะไม่มีความสุขได้
ให้มองตัวเราเองก่อนทุกอย่าง ไม่ว่าสถานการณ์ใด
1. เราทำตัวดีพอหรือยัง ทำตัวดี ไม่ใช่ทำถูกใจใคร แต่หมายถึง ทำถูกศีลถูกธรรม
2. เราช่วยเหลือตัวเองได้ดีพอหรือยัง หรือว่า ยังต้องขอให้คนอื่นช่วยอยู่
3. เราพึ่งพาตัวเองได้ดีไหม หรือว่า ต้องคอยให้คนอื่นมาบอกมาจี้ตลอด
4. เราจะช่วยเหลือครอบครัวเราได้อย่างไร
บางครั้ง เราอาจต้องอดทน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความอบอุ่นนัก เชื่อว่า คงไม่มีใครในครอบครัวที่ไม่อยากมีความสุข
แต่บางครั้งคนเราก็มองไปที่ข้างนอก มองไปที่วัตถุสิ่งของนอกกาย ไม่ค่อยมองคนด้วยกันเอง แต่ละคนจึงผลิตแต่ขยะแต่ของเสียใส่กัน
ไม่ว่า เราจะทำอะไรมาก็ตามที่มันส่งผลให้มาพบเจอสภาพครอบครัวแบบนี้
แต่เวลาปัจจุบันสำคัญที่สุด ทำอย่างไร เราจะอยู่กับปัจจุบันได้รู้เท่าทัน ทำอย่างไรจึงจะมีสติเข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่อย่างแจ่มแจ้งที่สุดและปล่อยวางได้
ไม่ท้อแท้ ไม่สิ้นหวัง ไม่ต้องเสียเวลาสงสัยว่า ตัวเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพราะคำตอบคือ เรามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง เพื่อสร้างสรรค์ เพื่อทำให้ชีวิตเราก้าวหน้าต่อไป
การตาย ไม่ใช่การจบสิ้นปัญหา ดังนั้น เราเจอปัญหาอะไร ให้หาทางแก้ไข ไม่ใช่หาทางหนี
ลุยสู้ชีวิตต่อไป ไม่ต้องไปหวั่นเกรง อย่าโหยหาความตาย เพราะเมื่อถึงเวลา มันก็มาเอง
จงคิดว่าชีวิตคนเราก็ไม่ได้ยืนนานอะไร ระหว่างมีชีวิตนี้ เราจะใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งแก่ตัวเอง คนอื่น สังคม ประเทศ และโลกอย่างไร ?
การสะสมความเครียด การสะสมความคิดอยากตาย จะเพาะบ่มนิสัยให้เรามองโลกดำมืด ไม่สร้างสรรค์ วันข้างหน้าเมื่อเติบโตไปก็อาจเป็นเหมือนพ่อแม่ครอบครัว ณ เวลานี้ ถ้ามีลูก ลูกก็อาจโดนแบบเดียวกันนี้ก็ได้ ดังนั้น เราจะต้องปลดและตัดตอนอุปนิสัยใจคอแบบนั้นเสีย กลายเป็นคนใหม่
ลองมองดูพ่อแม่อย่างเปิดกว้าง เขามีจุดอ่อนอะไร จุดด้อยอะไร จุดเด่นจุดดีอะไร เลียนแบบสิ่งที่ดีของเขา ส่วนสิ่งไม่ดี ให้มองข้ามไป บางทีในวัยเด็กของพ่อ เขาอาจไม่ได้รับความรักความอบอุ่น เขาอาจถุกคนรังเกียจ เขาอาจถูกใครทำรุนแรงกับเขา เขาก็เพาะนิสัยเก็บกดติดตัว เขาจึงสะสมนิสัยมาแบบนั้นมาเรื่อย ๆ แล้วก็ไม่มีที่ระบาย จึงมาลงที่คนในครอบครัวแบบนี้ ก็ได้
ถ้าเรามองแบบนี้ พ่อในวัยเด็ก ก็เป็นคนน่าสงสารไม่น้อย ดังนั้น
หนูจงให้อภัยตัวเอง ให้อภัยพ่อแม่ ให้อภัยพี่น้อง ให้อภัยญาติ ๆ ให้อภัยเพื่อ่น ๆ ให้อภัยทุกคนที่เขาทำไม่ดีกับเรา
ไม่ต้องไปโกรธ ไม่ต้องไปเกลียด ไม่ต้องไปเคียดแค้นชิงชัง
จงแผ่ความสุข แผ่เมตตาให้ทุกคน ให้คิดว่า เขายังมืด เขายังบอด เขาจึงทำสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ และเราก็มาพบเจอสิ่งเหล่านั้น
ทำใจให้เบิกบาน เดินหน้าวางแผนในอนาคตและสร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง
ดอกบัว แม้ว่าจะเกิดมาจากโคลนตม แต่ดอกบัวก็บานสะพรั่งงดงามได้เสมอ งามขนาดคนต้องเอาไปบูชาพระ
คนเราก็เหมือนกัน แม้จะเกิดมาในครอบครัวอย่างไร สภาพแวดล้อมอย่างไร หากเราฝึกตัวเอง มีระเบียบวินัย มีความเมตตากรุณา เราก็จะงดงามได้เสมอเช่น จะไปท้อแท้สิ้นหวังทำไม
ถ้ารู้สึกว่า ทนไม่ไหวจริง ๆ ลาครอบครัวไปบวชศึกษาปฏิบัติธรรมที่นี่สักระยะก็ดี
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=150
อย่าลืมว่า หนูก็มีสิ่งดี มีความดีติดตัวอยู่มากมาย เช่น เรียนดี เข้าใจคิด เข้าใจอ่านเหตุการณ์ ดังนั้น เราจะไปทำลายสิ่งดี ๆ ที่เรามีทำไม เอาสิ่งดี ๆ นั้น มาพัฒนาต่อไปไม่ดีหรือ
ฝึกหัดกราบพระ สวดมนต์ แผ่เมตตา เดินจงกรม นั่งสมาธิ ในห้องตัวเองทุก ๆ วัน จะช่วยได้มาก จะสมองแจ่มใส สติดี สมาธิดี ปัญญาดี ปล่อยวางเป็น แม้ว่าจะมีกองไฟล้อมรอบ หากใจเราสงบเย็นแล้ว ไฟร้อนก็ทำอะไรเราไม่ได้
ฟังและฝึกตามนี้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
มีเด็กหลายคนที่ต้องออกจากครอบครัวไป เพราะปัญหาหลาย ๆ อย่าง เช่น ที่โรงเรียนแห่งนี้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=149
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 04:12:30