ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เครียดเรื่องงาน รู้สึกตัวเองแย่มาก
รายละเอียด
นมัสการพระอาจารย์ค่ะ โยมอายุ 27 ปีค่ะ แต่รู้สึกเหมือนพวเด็กจบใหม่ตลอดเวลา ตอนนี้เครียดเรื่องงานมากค่ะ สุขภาพก็แย่ เพราะเครียดต่อเนื่องมาตั้งแต่ธันวา 54 รู้สึกไม่ไหว อยากลาออกตั้งแต่กรกฎา-สิงหา ปีที่แล้วแล้วล่ะค่ะ กะจะลาออกเดือนกันยา ก็ไม่ออก จากนั้นก็ลังเลมาเรื่อยๆ ตอนเดือนธันวาจะออกก็กลัวที่ทำงานจะเดือดร้อน เพราะมค-มีคเป็นช่วงงานยุ่ง งานที่ทำเป็นงานที่ดีค่ะ เพื่อนร่วมงานดีมาก องค์กรก็เลี้ยงดีค่ะ สภาพแวดล้อมก็ดี อยู่ต่างจังหวัด ชาวบ้านก็ดี รู้สึกทุกอย่างดีหมด เสียที่ตัวโยมเองแหละค่ะ รู้สึกทำได้ไม่ดี งานมาก เครียด ใช้สมอง บางงานก็กดดัน มียอด มีเป้า บางงานก็ต้องปะทะกับลูกค้าที่นิสัยแย่ แต่พอมองคนอื่น ทำไมเขาทำได้กัน มันก็งานเดียวกัน ที่ผ่านมา โยมทำงานผิดพลาดบ่อยมาก แล้วก็มีปัญหาเยอะ ดีที่เจ้านายให้โอกาส แต่ก็รู้สึกว่าส่วนใหญ่คงเอือมระอา เดือนเมษานึ้จะมีการพิจารณาโยกย้าย มีคนขอเข้าสาขาหลายคน ผู้จัดการก็ถามว่าโยมอยากย้ายมั้ย ถ้าไม่อยากก็ต้องปรับปรุงนะ ก็คือเขาจะช่วยให้ไม่ย้ายเพราะสงสารน่ะค่ะ แต่โยมก็เกรงใจ เพราะโยมจะออกแล้ว แต่ไม่กล้าบอก ถ้าเก็บโยมไว้วันหน้าจะขาดคน อาทิตย์หน้า โยมคงต้องยื่นใบลาออกแล้ว เพื่อก่อนที่เขาจะพิจารณาโยกย้ายคน ซึ่งก่อนหน้านั้นโยมก็ไม่คิดว่าจะออกกะทันหันอย่างนี้ เพราะถ้ารอสิ้นเดือนมิย จะได้โบนัสหลายหมื่นบาท แต่คิดอีกที อย่าโลภดีกว่า ถึงแม้มันจะเป็นผลตอบแทนของเราปีที่ผ่านมา และจะเป็นทุนให้เราตั้งตัวบ้าง แต่ยืดเวลาลาออกไปก็มีแต่จะเสียหาย และถือเป็นการประหยัดเงินองค์กร ตอบแทนที่เลี้ยงเรามานานหลายปี โยมคิดอย่างนี้ดีไหมคะ ตอนนี้จะลาออกก็ยังไม่กล้าบอกใคร พ่อแม่ก็ไม่กล้าบอก กลัวท่านคิดมาก เสียใจ พ่อบอกว่าอย่าเปลี่ยนงาน เปลี่ยนสายงานได้ แต่อย่าเปลี่ยนองค์กร โยมเข้าใจ แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง ลาออกไปตอนนี้ก็ยังไม่มีงานทำ แต่สมัครไว้แล้วสามสี่ที่ งานใหม่ที่อยากทำ อยากรับราชการ บริการประชาชนตอบแทนแผ่นดิน แต่ช่วงนี้จิตใจไม่สงบ รู้สึกอยากปฏิบัติธรรม ทำงานอาสาสมัคร ทำงานมูลนิธิ หรือองค์การไม่แสวงกำไรค่ะ อยากทำดีไถ่บาป ถึงแม้คิดจะลาออกแล้ว แต่ก็ยังไม่หายเครียด เพราะงานเก่ายังค้างเต็มไปหมด และงานในอาทิตย์หน้า อาทิตย์ต่อไปที่จะเพิ่มใหม่ โครงการใหญ่ๆยากๆทั้งนั้น บ้านเช่าก็ต้องย้ายออก แต่ไม่ได้แจ้งยายเจ้าของบ้าน กลัวแกผิดหวัง อะไรหลายอย่าง คิดอีกที มันเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปัญหาคนอื่น โยมรู้สึกแย่ที่มองแต่ปัญหาตัวเอง รู้อย่างนี้แต่ก็ยังนอนไม่หลับ (หลับดึกตื่นเช้าติดต่อกันหลายเดือนแล้วค่ะ) โยมไม่รู้จะปรึกษาใคร เจอเว็บนี้เลยลองเขียนปรึกษาน่ะค่ะ ได้ระบายออกก็ดีขึ้น ได้เห็นปัญหาชัดขึ้นจากการเรียบเรียง พระอาจารย์มีอะไรจะชี้แนะบ้างไหมคะ อ้อ ขอวิธีเลิกโกหกด้วยค่ะ รู้สึกหลังๆนี่โกหกบ่อย ทั้งโกหกเอาตัวรอด โกหกให้คนอื่นสบายใจ อย่างถ้าแม่ถามว่ากินข้าวหรือยัง ถ้าค่ำแล้วก็จะตอบว่า กินแล้ว หลังๆมันคงสะสมมาก รู้สึกไม่สบายใจมากเลย จะฝึกตนยังไงคะ ขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
ความต้องการ
ขอคำชี้แนะสั่งสอนค่ะ
ชื่อผู้ถาม
มน
วันที่เขียน
6 เมษายน พ.ศ. 2556 22:16:53
จำนวนคนเข้าดู
8519

คำตอบ

คำตอบที่ 1
บางคนคาดหวังในตัวเองสูง ต้องการความสำเร็จสูงมากในเวลาอันรวดเร็ว ก็เลยเครียดหนัก ยิ่งเมื่อเอาตัวเองไปเทียบกับคนรอบข้างหรือเพื่อนรุ่นเดียวกันแล้ว ก็ยิ่งเครียดหนักยิ่งขึ้น จงหยุดเปรียบเทียบใคร มองดูที่ตัวเราก็พอ ถือตัวว่าเราต่ำกว่าคนอื่นก็ไม่ถูก ถือว่าเราสูงกว่าก็ไม่ถูก ถือตัวว่าเท่าเทียมกับคนอื่นก็ไม่ดี ทำใจให้เย็นลง แรกๆ อาจต้องใช้อุบายบ้าง ลำพังเพียงคิดนั้นไม่เพียงพอ ต้องลงมือปฏิบัติเลย แค่ตั้งใจคอยกำหนดดูลมหายใจเข้าออก ต่อเนื่องสัก 20-30 นาทีก็ใช้ได้แล้ว นั่งตัวตรงๆ นิ่งๆ ตามให้รู้ตลอดว่าลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ไม่ให้พลาดไปเรื่อยๆ จะช่วยให้ใจนิ่งและมีพลัง ทำทุกวัน แผ่ความรู้สึกความปรารถนาดีๆให้ทุกๆ ชีวิต ให้อภัยทุกคนที่มาทำให้เราเคืองใจ จงเคารพตัวเอง ซื่อตรงต่อตัวเอง จงรู้สึกละอายทุกครั้งที่เราไม่ซื่อตรงต่อความเป็นจริง วิธีนี้ จะทำให้เราไม่โกหกใครได้ ถ้าคิดว่าออกจากที่นี่ จะทำให้อะไรดีขึ้น ก็น่าลองดู และเมื่อไปทำงานทีไหม่ หากเจอสภาพแบบเดิมอีก จะแก้ปัญหาอย่างไร บอกทุกคนไปเถอุว่า ต้องการไปพักผ่อนสักระยะ ลาออกแบบตรงไปตรงมา คุณจะรู้สึกนับถือตนเองในระยะยาว และคุยกับเพื่อนๆ ที่ทำงานเดิมได้เป็นปกติ หากไปเจอเขาในวันข้างหน้า
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
6 เมษายน พ.ศ. 2556 23:06:40
คำตอบที่ 2
ขอบพระคุณค่ะพระอาจารย์ ช่วยให้ฉุกคิดได้มากค่ะ โยมจะนำไปฝึกปฏิบัติค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
มน
วันที่เขียน
7 เมษายน พ.ศ. 2556 07:17:47
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร