ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ทะเลาะกับแฟนเพราะภาระเกินตัว
รายละเอียด
เร่มต้นด้วย...ดิฉันได้แต่งงานกับแฟนได้ 2 ปีแล้วคะ การแต่งงานของเราเกิดจากที่คบหาดูใจเอง โดยที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครชอบใคร (ทั้งลูกสะใภ้และลูกเขย) เราเลยแยกตัวอยู่หากินกัน 2 คนโดยไม่รบกวนพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย แต่พ่อดิฉันเป็นคนเด็ดเดี่ยวมาก พ่อได้พูดก่อนออกจากบ้านว่า หากเลือกที่จะอยุ่กับแฟนก็จงอยู่ให้รอดละกัน อย่าได้หอบลูก หอบนำ้ตากลับมาหาพ่อ นอกจากแฟนดิฉันตายอย่างเดียว..พ่อเป็นคนที่มีฐะนะ เลยไม่ง้อลูกเลย และทีพ่อไม่ชอบแฟน เพราะแฟนเป็นคนจนนั้นเอง สวยพ่อแม่เขาที่ไม่ชอบดิฉันก็เพราะว่าเขาได้หมายหมั่นคนอื่นให้ให้ลูกชายเขาอยู่แล้ว......... อยู่มาจน 2 ปี เราตา่งก็ทำงานเก็บเงิน ไม่มีปํญหาอะไร แต่ระยะเวลาช่วง 2 ปี เขาก็อส่งเงินให้ทางบ้านเขาบ้าง ฉันก็อไม่ว่าอะไร แต่แล้วเราก็อว่างแผนจะซื้อรถยนต์ จนเงินครบแล้วเขากลับบอกว่าต้องเอาเงินไปช่วยครอบครัวครัวเขา นั้นคือ สร้างบ้านให้พ่อแม่เขา ฉันน้อยใจมาก น้อยใจสุดๆๆ ส่วนรถซื้อเงินผ่อนแล้วใสชื่อฉัน ฉันต้องผ่อนคนเดียว เป็นภาระคนเดียว เราทะเลาะกัน แล้วเขาบอกเลิกฉันโดยที่ไม่คิดเลยว่าฉันยอมทิ้งครอบครัวที่มีทุกอย่างแล้วมาอยูกับเขา ฉันรับไม่ได้ที่ต้องเลิกกับเขาเพราะกลัวต้องอยู่คนเดียว จะกลับบ้านก้อไม่กล้า เลยขอร้องเขาว่าให้ฉันอยู่ด้วยได้ไหม เขาก้อบอกว่า อยู่ได้ก้ออยู่ แต่ต้องเข้าใจเขา และตามใจเขา เขาจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวเขามีความสุข ทั้งที่ คนที่เขานอนกินอยู่ด้วยต้องน้อยใจอยูทุกวันจนใจจะระเบิด ฉันก้อทนอยู่กับเขาแม้ว่าเขาจะทรมานใจฉันก้อตาม ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู้ด้วยความรักแล้ว ความรักที่สวยงามมันหมดแล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าคนที่รักฉัน และเอาฉันมาอยูด้วยจะทำร้ายใจฉันได้ขนาดนี้ ฉันต้องเก็บความรู้สึก ไม่กล้าพูด เพราะพูดไปมันทำให้ฉันยิ่งเจ็บ ยิ่งได้เห็นเพื่อน คนรอบข้างมีความสุขฉันก้อท้อใจ คนอื่นมองว่าฉันมีทุกอย่าง แต่สำหรับฉันจิงแล้วมีแต่ความเจ็บปวดที่ต้องทนกับคนรัก ที่ต้องฝื่นยิ้มกับคนรอบข้าง ร้องไหเวลาอยู่คนเดียว
ความต้องการ
ฉันควรจะแก้ปัญหานี่ยังไงดี เพราะฉันเหมือนตัวคนเดียว ไม่กล้าบอกใครแม้แต่แม่ที่คอยถามทุกข์สุขทุกวัน ฉันยิ้มทั้งนำ้ตาเวลคุยโทรศัพท์กับบอกว่าลูกสบายดีตลอด เพราะแม่ยังต้องดูแลน้องอีกหลายคน ไม่อยากให้แม่รู้ว่าลูกลำบากใจ อยากฆ่าตัวก็อกลัวพ่อแ่มจะรับไม่ได้ จะปรึกษาพี่สาวก็อไมอยากให้พ่ี่สาวไมสบายใจ ฉันเลยเก็บคนเดียวมาตลอด จิตใจของฉันตอนนี้กระทบกับการทำงานมาก จากที่ฉันเป็นคนที่จิตใจดี ยิ้มเก่ง ไม่เคยด่าว่าลูกน้อง แต่ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนขี้โมโห ด่าว่าลูกน้องโดยไม่มีเหตุผล แล้วแต่อารมณ์ตัวเอง จนที่ทำงานว่าฉันเปลี่ยนไป และไมีมีใครเข้าใกล้ฉัน ไม่กล้าทักฉัน ต่างก็อหลบ เพราะกลัวโดนด่า...... ตอนนี้ฉันปลงมากแล้ว เรื่องแฟนฉันก้อแล้วแต่เขา ฉันคิดว่าเข้าจะทรมานฉันคนเดี่ยวได้ แต่ฉันไม่ต้องการให้คนรอบข้างฉันไม่ต้องการฉันด้วย ฉันอยากเป็นคนเดิมที่ดีกับทุกคน และทุกคนก็อนึกถึงฉัน ฉันควรทำไงกับสภาพจิตใจของฉันให้กลับมาเหมือนเดิมแค่นั้นพอ.....
ชื่อผู้ถาม
fahfa
วันที่เขียน
22 เมษายน พ.ศ. 2557 19:40:26
จำนวนคนเข้าดู
2088

คำตอบ

คำตอบที่ 1
การยึดมั่นถือมั่นล้วนนำความทุกข์มาสู่ เรารู้สึกเหมือนเรากำอะไรไว้มั้ย เราบีบกำเอาตัวเองเอาไว้ เราเลยอึกอัด การพาเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ไม่มีความสุขนั้นเป็นสิ่งที่ควรเลี่ยง ที่ที่ไม่มีความสุขในที่นี้หมายถึง ที่ที่ทำให้ความฝันเราถึงทางตัน จิตใจหดหู่ ไม่ต้องวัดที่ใคร ไม่ต้องสนใจคำพูดของใคร วัดที่ตัวเราเอง 
ลองนึกภาพนกที่อยู่ในกรง ที่ไม่ได้ล๊อกแค่งับประตูไว้เพราะเขาเปิดโอกาสให้แล้ว มันไม่เคยรู้เลยว่าแค่มันดันประตูออกไปมันก็เป็นอิสระแล้ว เพียงแค่เรามองหา 
บางทีสิ่งที่เราคิด อาจไม่ได้เป็นแบบนั้น การละทิ้งจากสิ่งที่ทำให้เราหม่นหมอง มันอาจจะทุกข์แค่ชั่วขณะเท่านั้น เพื่อรอรับสิ่งที่จะค่อยๆดีขึ้นๆ 

ก่อนอื่นคุยกันให้ดีก่อน ว่าเค้าไม่รักเราแล้วใช่มั้ย แล้วรถที่ว่า ซื้อมาหรือยัง เงินที่ดาวน์เค้าช่วยเท่าไหร่ บางทีปัญหาอาจเป็นแค่การบริหารเงินเท่านั้น ถ้าตกลงกันดีๆอาจจะไม่มีปัญหาก็ได้ ตอนนี้ใช้เงินกระเป๋าเดียวกันหรือเปล่า ลองแยกกันมั้ย แล้วมีภาระอะไรที่ต้องรวมกัน ค่อยเอามารวมกัน

เรามีศักยะภาพพอที่จะดูแลตัวเองได้หรือเปล่า ไม่ได้หมายความว่าเราแพ้เราล้ม การละออกมาไม่ใช่เรื่องแพ้ชนะ อย่าไปนึกถึงเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากพ่อ หรือจากใครๆ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับชีวิตเรา ใช้มันเป็นแรงผลักดัน ให้เรายืดหยัดหาเลี้ยงตัวเราเองให้ได้ก็พอ เรามีหน้าที่การงานดีมิใช่หรือถ้าวันนึง เราปลดพันธนาการทั้งหมด แล้วเริ่มใหม่ เราไหวมั้ย

ถ้าไม่ไหว.....ต้องทนไปก่อนให้ผ่อนรถหมด แล้วเก็บตังคืนค่าดาวน์เค้า แล้วเราก็มีสมบัติติดตัวแล้ว เราไม่ได้กลับไปพึ่งพ่อ เราใช้ชีวิตของเรา รอเจอสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าต่อไป กำจัดทิฐิในตัวออกให้หมด อย่าไปคิดว่าเราแพ้ ที่จริงเราจะชนะ เพื่อจะไปหาความสุขและอิสระภาพของเรา เราจะขังตัวเองไว้ทำไม

 
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
23 เมษายน พ.ศ. 2557 12:52:50
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร