ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ตกอยู่ในสถานะภรรยาน้อย
รายละเอียด
ดิฉันคบกับผู้ชายคนหนึ่งมาเกือบหกปี โดยทำงานที่เดียวกันแต่คนละแผนก และเราคบกันอย่างไม่เปิดเผย เนื่องจากดิฉันเป็นพนักงานที่เข้ามาใหม่ ประกอบกับตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงกว่าและอายุของดิฉันมากกว่าด้วย โดยช่วงแรกก็พยามยามสืบว่าเขามีครอบครัวหรือยัง บางคนก็บอกว่ามีแล้ว บางคนก็ไม่แน่ใจ แต่ดิฉันก็เลือกที่ถามเขาด้วยตัวเองแต่เขาก็บอกให้ดูจากพฤติกรรมเขา เนื่องจากเขาเป็นคนต่างจังหวัดและเช่าหอพักอยู่ และงานที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้เขากลับบ้านดึกและวันหยุดยังต้องเข้ามาทำงาน ทำให้ดิฉันเขื่อเขาอย่างสนิทใจ เพราะเขาไม่เคยลาหยุดไปไหน นอกจากลาไปกับดิฉัน กิจกรรมของบริษัทที่มีทุกปี เขาก็ไม่เคยพาใครไป ทั้งๆที่บริษัทสามารถให้พาครอบครัวไปได้ และดิฉันก็คิดว่าถ้าเขามีครอบครัว ทางครอบครัวเขาคงต้องขอติดตามมาแน่นอน แม้จะมีความหวั่นใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดจะถามเรื่องครอบครัวเขาอีกเลย และทุกครั้งที่ดิฉนทำท่าทางไม่ไว้ใจ เขาก็พยายามวาดวิมานในอากาศ พร้อมกับเล่าเรื่องพ่อแม่พี่น้องเขาให้ดิฉันฟัง และบอกว่าพ่อแม่อยากเจอ ทั้งๆที่ดิฉันไม่ทราบว่าเรื่องที่เขาเล่ามานั้นจริงหรือไม่จริง แต่ก็เชื่อเขาหมดใจ เราคบกันเรื่อยๆ จนวันหนึ่งดิฉันก็ตกเป็นของเขาโดยสมัครใจ การคบกันของเราเพื่อนสนิทที่ทำงานของดิฉันยังไม่ทราบ คนในกลุ่มจะเข้าใจว่าที่เราสนิทกันเพราะงานที่ต้องมีการประสานระหว่างแผนก แต่ก็มีบางทีที่เขาแสดงอาการหึงหวงตอนที่ดิฉันไปทานข้าวกลางวันกับน้องผู้ชายในกลุ่ม และแสดงความไม่พอใจตอนที่ดิฉันไปเที่ยวต่างจังหวัด แม้กระทั่งครอบครัวฝั่งดิฉันเองก็ไม่ทราบเรื่อง เพราะอย่างที่บอกด้วยหน้าที่การงานและอายุของดิฉัน และอยากให้เขาพร้อมกว่านี้ และจะพามาพบพ่อแม่ แต่ประมาณช่วงปี2555 เขาเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปมีการกลับบ้านต่างจังหวัดบ่อยขึ้นและมีการไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยขึ้น (ก่อนหน้านั้นอาจจะมีบ้างที่กลับตามข่วงเทศกาล บางช่วงเทศกาลก็ไม่กลับและใช้เวลาอยู่กรุงเทพกับดิฉัน) แต่ทุกครั้งที่เขากลับบ้านหรือไปไหน เขาก็ยังคงมีการเขียนโปสการ์ดจากสถานที่ที่ไป และของฝากมาฝากดิฉันไม่เคยขาดมือ แต่คงจะจริงอย่างที่ใครว่าไว้ ความลับไม่มีในโลก ปลายปี2555 ขณะที่ดิฉันเดินทางไปต่างประเทศ ดิฉันได้รับรูปถ่ายคู่พร้อมคำบรรยายใต้ภาพหลายภาพทำให้ดีฉันเข้าใจได้โดยทันทีว่าดิฉันเป็นคนมาทีหลัง เขามีครอบครัวมีลูกสาว ที่อายุๆพอๆกับช่วงเวลาที่เราคบกันมา ดิฉันตกเป็นภรรยาน้อย การไปต่างบ้านต่างเมืองพร้อมกับปัญหาทำให้ดิฉันฟุ้งซ่านมาก จึงส่งข้อความและรูปภาพไปถามเขา สิ่งที่เขาตอบมาคือขอโทษ และขอมารับดิฉันที่สนามบินเมื่อกลับมา ตลอดทางกลับบ้านดิฉันร้องไห้บนรถพร้อมมีเขาที่คอยปลอบใจซับน้ำตา พร้อมร้องไห้และพร่ำบอกว่าขอโทษ และเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังว่าเขาและภรรยาไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานแล้ว และเมื่อต้นปี2555 ภรรยาเขาเริ่มระแคะระคาย และบอกเขาว่าจะไม่ปล่อยดิฉันให้มีความสุขแน่นอน แต่เขาบอกภรรยาเขาว่าอย่ามายุ่งกับดิฉัน แต่มันยิ่งทำให้ภรรยาเขาเป็นมากขึ้น และเริ่มเจาะข้อมูลจนได้ทราบข้อมูลดิฉัน และเป็นที่มาของรูปถ่ายและการมาต่อว่าดิฉันออกสื่ออนไลน์จนดิฉันต้องบล็อกเขาไว้ และหลังจากทราบเรื่องดิฉันก็พยายามออกห่างจากเขา ไม่ว่าจะการติดต่อทางไหนก็ตาม แต่ข้อมูลเก่าๆที่เคยคุยกันไว้นั้น ภรรยาเขาก็เอาต่อว่าดิฉันเรื่อยๆ แต่ดิฉันไม่เคยคิดต่อว่าเขากลับ เพราะทราบดีว่าดิฉันก็ผิดที่ทำตัวอย่างนั้น แต่ดิฉันจะไม่ทำอย่างนั้นเลยถ้าดิฉันทราบความจริงแต่ต้น และตอนนี้ทางเขาก็ติดต่อดิฉันน้อยลง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะดิฉันเคยบอกเขาว่าดิฉันไม่รู้ว่าปัญหาของเขาทั้งสองคืออะไร แต่อยากให้กลับไปแก้ไข
ความต้องการ
ณ วันนี้ที่ดิฉันเขียนมาปรึกษาพระอาจารย์เพราะดิฉันตัดสินใจที่จะเลิกติดต่อกับเขาทุกทาง และได้บอกภรรยาเขาไปแล้วว่าเรื่องของดิฉันคือจบ แต่ทำไมดิฉันรู้สึกเหมือนทำกรรมเยอะเสียเหลือเกิน ตอนนี้เครียดมาก นอนไม่ค่อยหลับ ข้าวปลาอาหารก็กินไม่ได้จะอาเจียน และห่วงกังวลว่าเรื่องคงไม่จบลงง่ายๆ
ชื่อผู้ถาม
ผู้หญิงโง่ๆอยากหลุดพ้น
วันที่เขียน
23 มีนาคม พ.ศ. 2556 23:38:42
จำนวนคนเข้าดู
1950

คำตอบ

คำตอบที่ 1
๑. ตัดสินใจเลิกติดต่อทุกทาง = จิตใจเข้มแข็ง ๒. บอกภรรยาไปเพื่อจบเรื่อง = กล้าหาญ ๓. รู้สึกเหมือนทำกรรมเยอะเสียเหลือเกิน = จิตสำนึกคุณธรรม ๔. เครียดมาก นอนไม่ค่อยหลับ = จิตห่วงใย ไม่ยอมปล่อย ๕. ข้าวปลาอาหารก็กินไม่ได้จะอาเจียน = จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ๖. ห่วงกังวลว่าเรื่องคงไม่จบลงง่าย ๆ = เกิดใช้เวลา จบก็ใช้เวลา จากที่กล่าวมาเข้าใจได้ว่า ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีจิตใจที่เข้มแข็งและกล้าหาญ มีจิตสำนึกคุณธรรม ห่วงใยไม่ยอมปล่อยสิ่งที่เคยยึดครอง จึงส่งผลต่อร่างกาย จึงต้องใช้เวลาค่อย ๆ ให้จิตปล่อย เพื่อปลูกและรดน้ำพรวดดินให้ต้นกล้าแห่งคุณธรรมงดงาม ดีเหลือเกินกับเหตุการณ์นี้ เพราะพิสูจน์ว่าชีวิตเกิดมาเพื่อเรียนรู้ และฝึกหัดพัฒนาในระหว่างนั้นก็มีทั้งสุขและทุกข์ เป็นธรรมดา ซึ่งในที่สุดโลกใบนี้จะได้สตรีที่งดงามเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง สาธุ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 88
วันที่เขียน
24 มีนาคม พ.ศ. 2556 06:56:07
คำตอบที่ 2
ขอบพระคุณพระอาจารย์มากนะคะ ต่อจากนี้ดิฉันจะพยายามสร้างแต่กรรมดี และจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และรวมถึงเขาทั้งสองคน การเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับชีวิตดิฉัน ทำให้ดิฉันได้บทเรียนหลายๆอย่าง และการที่ได้เข้ามาเขียนปรึกษา และเมื่อได้รับคำตอบ ร่วมถึงการชี้แนะจากพระอาจารย์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ดิฉันรู้สึกดีขึ้น โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ ขอขอบคุณพระอาจารย์อีกครั้งค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
ผู้หญิงโง่ๆอยากหลุดพ้น
วันที่เขียน
24 มีนาคม พ.ศ. 2556 18:42:37
คำตอบที่ 3
สาธุ สาธุ สาธุ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 88
วันที่เขียน
24 มีนาคม พ.ศ. 2556 21:34:12
คำตอบที่ 4
กราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ หลังจากวันนั้นดิฉันไม่เคยติดต่อกับเขาอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นโทร การส่งข้อความ แต่เนื่องจากว่ายังคงทำงานที่เดียวกันทำให้ดิฉันเจอเขาโดยบังเอิญบ้าง แต่ไม่มีการทักทายใดๆ แต่เขายังคงส่งข้อความ และเมลส่วนตัวมาพูดคุย ถามสารทุกข์สุกดิบกับดิฉันอยู่บ้าง ประมาณสัปดาห์ละ2-3ครั้ง แต่ดิฉันไม่เคยตอบเขากลับเลย และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาดิฉันได้เพิ่งทราบว่าทางญาติภรรยาเขาได้เข้ามาทำงานที่บริษัท และดิฉันคิดว่าเขาคงรู้เรื่องของดิฉัน เพราะมีครั้งนึงที่เขาสะกิดคนในแผนกของเขาให้มองดู และกระซิบกระซาบกัน หลังจากนั้นคนในแผนกคนนั่นๆก็มองดิฉันด้วยหางตาโดยตลอด ดิฉันทำได้ดีที่สุดคือพยายามเลี่ยงคนเหล่านั้น และเอาตัวออกห่างไม่พยายามย่างกรายไปแผนกที่คนเหล่านั้นอยู่ โดยทุกวันนี้ก่อนเข้านอนดิฉันจะสวดมนต์ อธิษฐานจิต รวมถึงแผ่เมตตาให้กับเขา ภรรยา และบุตรสาว การสวดมนต์ทำให้จิตใจของดิฉันดีขึ้นมาก และเหมือนทำใจได้ แต่บ่อยครั้งที่ดิฉันหวนคิดถึงเรื่องเก่าๆและก็มีน้ำตาไหลออกมา ดิฉันรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่คิดถึง และรู้สึกแย่มากๆที่ดิฉันไปหลงเชื่อคนอย่างเขา ตอนนี้ถึงเขาไม่มีดิฉัน เขาก็ยังมีภรรยาและบุตรสาว ถึงเขาจะบอกดิฉันก็ตามว่าฝ่ายหญิงไม่ยอมเลิกกับเขา และเขาต้องอยู่เพราะลูกสาว มันก็คงเป็นคำกล่าวอ้างของคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ และช่วงเย็นเขาส่งเมลมาบอกดิฉันว่าดีใจที่วันนี้ได้เห็นหน้าดิฉัน และความรัก ความคิดถึงของเขาที่มีต่อดิฉัน มันอยู่เหนือ อสงไขยเวลา ดิฉันไม่เข้าใจความหมายของคำนี้ จึงไปค้นหาข้อมูลพบว่ามันมีความหมายว่าเหนือกาลเวลา เป็นเวลาเนิ่นนาน ไม่สามารถนับเป็นปริมาณได้ ไม่ว่าจะความหมายใดๆก็ตาม ข้อความที่เขาเขียนส่งมานี้ ก็ทำให้ดิฉันเสียน้ำตา พระอาจารย์คะ ดิฉันควรทำอย่างไร ทั้งๆที่เหมือนทำใจได้ คิดว่าเข้มแข็งขึ้นมาก แต่ทุกอย่างกลับมาที่จุดเริ่มต้นในการทำใจใหม่อีกครั้ง ดิฉันขอคำชี้แนะจากพระอาจารย์ด้วยค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
ผู้หญิงโง่ๆอยากหลุดพ้น
วันที่เขียน
23 เมษายน พ.ศ. 2556 23:03:40
ทั้งหมด 4 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร