ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เครียดเรื่องการอยู่กับสมาชิกครอบครัวในบ้าน
รายละเอียด
มีปัญหากับพี่ชายค่ะ เขาเป็นคนพูดเยอะปากจัดเสียงดังแบบเกย์ควีน หลายครั้งที่แกจะใช้คำพูดรบกวนจิตใจหัวเราะเยาะเย้ยหยันมาตลอดเวลากว่า โยมเป็นน้องสาวที่ช้า เถียงไม่ทันเถียงแพ้ตลอด ไม่สามารถสรรหาคำพูดจิกกัดแรงๆคืนเท่าที่โดนมาได้ หลายคนมักบอกว่าการกระทำโยมเหมือนพี่ชายและพี่ชายโยมเหมือนน้องสาวมากกว่าถ้าเทียบกับทั่วๆไป เพราะโยมทื่อๆบื้อๆ นิ่งๆ มองโลกในแง่ดี ไม่โกรธใครง่ายๆ แต่ยกเว้นเรื่องพี่ เป็นเรื่องเดียวที่กัดกินจนเกิดอาการคับแค้นมากว่า 10 ปี จนวันนึงโยมก็รู้ว่าตัวเองเกลียดพี่ชายมากที่สุดในโลก อยากให้ตายๆไป เวลาโยมบอกว่าไม่ถูกับพี่ชาย เพื่อนก็จะทักว่า จริงๆโยมก็รักพี่ชายตัวเอง แล้วทึกทักเอาว่าเราเป็นพวกปากแข็ง แต่มันไม่จริงค่ะ ไม่เจอเขาไม่รู้ และไม่มีใครเข้าใจ จึงไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับใครเพราะเคยถูกเพื่อนสนิทโกรธเพราะเขารักพี่น้องเขามาก บางทีก็บอกว่าโยมคิดมากไปเอง แต่พ่อแม่ก็รู้ค่ะว่าพี่ชายเป็นยังไง แต่ทำอะไรไม่ได้ บอกแค่ว่า อย่าไปใส่ใจคำพูดเขา แต่การที่ต้องเจอทุกวันโดยที่พี่ชายเหลวไหลไม่คิดจะทำอะไรกับชีวิต ขอตังค์พ่อแม่มาแต่เด็กๆจนอายุปูนนีั้เที่ยวนอนไม่ทำงานทำการไม่อยู่บ้านเฉยๆก็ตะลอนเที่ยวทำให้โยมเกลียดเขามากกว่าเกลียดอยู่แล้ว ทุกวันนี้ไม่พูดกันแต่เขาจะคอยลอบกัดด้วยคำพูดอยู่ตลอดเวลา โยมไม่เป็นอันทำงานค่ะ ไปทำงานนอกบ้านแล้วช่วยให้อยู่ห่างได้พักนึง แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีสมาธิเพราะรู้ว่ากลับบ้านก็เจอ งานก็ออกมาไม่ดีมีปัญหาจนเครียดจัดจนเหมือนหัวจะระเบิด เพราะโยมทำงานด้านศิลปะซึ่งจะไม่ออกมาดีเลยหากมีเรื่องรบกวนจิตใจ โยมเคยคิดว่าจะไม่บอกพ่อแม่เรื่องนี้ กลัวพวกแกเครียด แต่ปลายปีที่แล้วโยมเบื่อหน่ายที่จะทนอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว เลยเริ่มด่าพี่ชายกลับทุกครั้งที่เขาลอบกัด แต่ปัญหาคือโยมก็ยังโต้เถียงแบบทางอ้อมไม่เป็น ได้แต่ด่ากลับตรงๆแล้วพ่อแม่ก็หันมาว่าโยม ทั้งๆที่พี่ชายพูดคำหยาบในบ้านพ่อแม่ก็ไม่ทำอะไร ปล่อยไป โยมรู้ว่าพ่อแม่ก็รักเราทั้งคู่เท่ากัน แต่การต้องอยู่แบบนี้เป็นความรู้สึกที่โยมอยากตายค่ะ โยมไม่รู้ค่ะว่าพ่อแม่รู้แค่ไหนกับความรู้สึกเกลียดของโยมที่มีให้พี่ชาย พวกแกเหมือนไม่อยากเชื่อว่าโยมจะเกลียดพี่ชายมาก และแน่นอนโยมยังไม่เคยบอกถึงว่าโยมเกลียดชนิดแช่งให้พี่ชายตายทุกวัน โยมพยายามหาทางปล่อยวาง เคยศึกษาเรื่องระงับความโกรธ สวดมนต์ แต่ก็ช่วยได้แค่แป๊ปเดียว ตราบใดที่ยังเจอกันอยู่โยมก็ยังเกลียดเขาอยู่ ทางออกทางเดียวที่โยมคิดได้คือแยกกันอยู่ เพราะ3-4ปีที่แล้วพี่ชายถูกบังคับให้ไปทำงานต่างประเทศ เป็นเวลาที่โยมมีความสุขมากและไม่เคยต้องกังวลถึงอะไร โยมคิดไว้ว่าไม่เกินปีนี้จะออกไปอยู่เองทั้งๆโยมอยากอยู่กับพ่อแม่มาก ร่างกายโยมไม่แข็งแรงและพ่อแม่ก็ห่วง พ่อแม่ก็บอกว่าก็ไม่ต้องคุยกับพี่ก็ได้แล้วพวกเขาก็คิดว่าโยมจะอยู่อย่างนี้ต่อไปได้ทั้งๆที่โยมจะบ้าแล้ว สภาพร่างกายจิตใจตอนนี้โยมทรุดเพราะเครียด ในหัวโยมเครียดตลอดเวลาตั้งแต่ลืมตาตื่นตอนเช้าจนคิดงานไม่ออกทั้งวันแล้วก็เก็บไปฝันร้ายบ่อยๆ โดยที่เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้บอกพ่อแม่ค่ะ แต่โยมคิดว่าไม่เกินปีนี้จะตัดขาดจากพี่ชาย ใจจริงไม่อยากเกลียดอ่ะ แม่โยมเคร่งศาสนานิดๆ โยมรู้อยู่เต็มอกว่า เกลียดคือโง่โมโหคือบ้า แช่งคนอื่นเข้าตัวเอง แต่ความเกลียดนี้มันฝังรากลึกเกินไปแล้วมั้งคะ? ถ้าเป็นไปได้โยมไม่อยากเจอเขาอีก อย่างน้อยที่สุดคือไม่ต้องอยู่ด้วยกัน
ความต้องการ
ที่อยากจะถามท่านพระอาจารย์คือ โยมคิดร้ายกับคนๆเดียวที่เป็นพี่ชายในไส้อยู่ตลอดเวลา ขนาดอยากให้ตายๆไป โยมผิดปกติรึเปล่าคะ? และถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจจริงๆว่าโยมทนไม่ไหวแล้ว โยมจะบอกได้รึเปล่าว่าโยมเกลียดเขามากขนาดไหน เพราะพ่อแม่ออกจะหวังให้พี่น้องกลับมาคืนดีทั้งๆที่เป็นไปไม่ได้แล้ว เคยมีการคุยกันหลายครั้งแล้วค่ะ ไม่ว่าจะพ่อแม่คุยให้ พี่มาคุย หรือโยมไปคุย สุดท้ายก็กลับมาอีหรอบเดิม เหนื่อยมากๆค่ะ มันเข้ากันไม่ได้จริงๆ รบกวนพระอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ นมัสการขอบคุณค่ะ
ชื่อผู้ถาม
Chou
วันที่เขียน
19 มกราคม พ.ศ. 2557 21:36:22
จำนวนคนเข้าดู
2428

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ที่เราอยากให้ใครก็ตามบาดเจ็บ วิบัติ ฉิบหาย หรือตาย ๆ ไป แสดงว่า ใจเราคับแคบ และโทสะร้าย
นี่คือจิตใจที่ขาดการฝึกหัดอบรม

เราต้องอบรมจิตใจเราใหม่ เริ่มต้นทันทีตั้งแต่วินาทีนี้เลย ต้องเอาจริงเอาจัง อย่าทำ ๆ หยุด ๆ ต้องทำต่อเนื่องให้ได้สัก 6 เดือนขึ้นไป จะทำให้เรามีความสุขและคนรอบข้างเราก็จะมีความสุขด้วย

1. คิดให้ได้ว่าทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้ ล้วนแต่น่าสงสาร เขาต้องดิ้นรนไปเพื่อเอาตัวรอดแต่ระหว่างทางก็เผลอทำผิดทำพลาด ทำคนอื่นเดือดร้อนมากมาย บ้างทรยศคดโกงคนอื่น บ้างเอาเปรียบ ฯลฯ
2. แผ่เมตตาให้ทุกชีวิต ขอให้เขาปลอดภัย และมีความสุข ประสบความสำเร็จในชีวิต
3. ฝึกตัวเราให้มีสติ อย่าทำร้ายใคร ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำทางอื่น
4. เดินจงกรมวันละ 30 นาที นั่งสมาธิ วัน 30 นาที สวดมนต์ และแผ่เมตตาทุกวัน

ลองฟังตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143

ให้รีบไปฝึกปฏิบัติตรงนี้ด่วนเลย http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=150 

หรือตรงนี้ http://www.3pidok.com/main.php?url=news_view&id=8&cat=C
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
22 มกราคม พ.ศ. 2557 16:37:59
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร