ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เคยทำผิด
รายละเอียด
หนูเคยขโมยทองของยายไปขายค่ะเพื่อซื้อโทรศัพท์ หนูเห็นเพื่อนมีหนูเลยอยากได้ แล้วก็ซื้ออะไหล่รถให้แฟน เรื่องนี้มีแค่หนูกับแฟนที่รู้ค่ะ และพอยายรู้ว่าทองหาย แม่กับน้าเค้าก็มาช่วยกันหา เค้าถามหนูว่าเอาไปมั้ย เอาไปก็บอกนะจะได้แก้ปัญหาทัน แต่หนูก็กลับทำเป็นว่าไม่ได้เอาไป แ่วันนั้นก้หาไม่เจอ แต่ยายบอกน้าว่าหนูเอาไปเพราะหนูเคยบอกยายอยู่ว่าถ้ายายเป็นอะไรขึ้นมาหนูขอนะ แต่ตอนน้นที่หนูอยากได้ไม่ใช้เพราะหนูโลภหรืออะไร ที่หนูอยากได้คือหนูอยากเก็บไว้เป็นมรดกจิงๆ แต่พอเวลาคนอื่นมาถามเรื่องทอง หนูก็บอกไปว่า ยายทำหายเองรึป่าว เพราะยายเคยลืมทองวางไว้ครั้งนึงแล้วหนูก็ไปถามยายว่ายายเอาทองไว้ไหนยายก้บอกเก็บไปแล้ว หนูก็เลยเอาคืนยายไปเพราะยายลืมเก็บ หนูรู้สึกผิดมากๆ หนูคิดไว้ถ้าหนูมีหนูจะคืนยาย ยายกินไม่ได้นอนไม่หลับ หนูรู้สึกผิดมากๆ หนูเคยคุยกับยายเรื่องทอง ยายบอกตอนโมโหก็เผลอลืมสาปแช่งไปบ้าง แต่ตอนนี้ยายเสียไปแล้ว หนูยังไม่มีโอกาสได้คืนยาย หนูเคยคิดว่าจะบอกยายว่าหนูเอาไป ไม่รู้อะไรมาดลใจให้หนูคิดอย่างนั้น แล้วอีกไม่นานยายก้จากไป จนตอนนี้หนูมีความรู้สึกว่าทำไรไม่ขึ้น มันเป็นตราบาปอยู่ในใจหนู หนูกับแฟนช่วงนี้ลำบากมาก จากแต่ก่อนอยากกินไรก้ได้กิน จะซิ้อไรก้ไดซื้อ ยายรักหนูกับแฟนมาก ตอนที่หนูทำมันมีแต่ความโลภ จนไม่คิดถึงคนที่รักและเลี้ยงดูหนู แต่หนูก็หมั่นทำดีกับยาย จนวินาทีสุดท้าย แต่หนูคิดว่ามันคงลบไม่ได้
ความต้องการ
หนูอยากรู้ว่าที่หนูลำบากทำไรไม่ขึ้นเป็นเพราะเรื่องนี้รึป่าว หรือเป็นเพราะเวรกรรมของตัวหนูกับแฟนคะ
ชื่อผู้ถาม
pp
วันที่เขียน
20 ธันวาคม พ.ศ. 2556 16:55:07
จำนวนคนเข้าดู
1232

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ตอบ คุณ PP ครับ

เรื่องที่สงสัยว่า การที่ชีวิตทำกินไม่ขึ้นนั้นเกี่ยวกับการขโมยทองของคุณยายหรือไม่นั้น   อาจารย์ เรียนตามตรงว่า ไม่มีใครที่สามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำนะครับ เพราะ เรื่องกรรมเป็นเรื่องซับซ้อนอาจจะมีผลกรรมเรื่องอื่นมาผสมผสานกันจนไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน

และถึงแม้จะมีใครฟันธงให้คุณ pp ว่า "เป็นเพราะกรรม"   หรือ  "ไม่เกี่ยวกับกรรม"    สุดท้ายคุณ pp ก็จะไม่สิ้นสุดความสงสัยอยู่ดีครับ เพราะเรื่องประเภทนี้เป็นเรื่องคลุมเครือ ตัวคุณ pp ไม่เห็นด้วยตาตนเองก็จะเฝ้าสงสัยอยู่ร่ำไป

ดังนั้น ถ้าจะให้อาจารย์แนะนำในตอนนี้ก็คือ

1.ตัดความสงสัยเรื่องติดกรรม หรือ ไม่ติดกรรม  ทิ้งไปก่อนครับเพราะมันเป็นเรื่องที่ฉุดให้อยู่ในเมฆหมอกแห่งความสงสัยและไม่เกิดประโยชน์อะไรในตอนนี้

2.หนูและแฟน ควรหยิบกระดาษมาสักแผ่น และมาเขียนเป้าหมายที่ตนเองต้องการในชีวิตลงไป และเขียนความล้มเหลวที่ผ่านมาว่ามันเกิดจากอะไร  โดยทำใจให้เป็นกลางดีๆหาสาเหตุแห่งความล้มเหลวว่า

A.เกิดจากตนเองกี่%   
B.หาคำตอบไม่ได้กี่ %   (อาจเกิดเพราะกรรม หรือ ที่มองไม่เห็น)

จุดประสงค์ที่อาจารย์แนะนำให้แยก A, B เพราะต้องการให้มีสติ โดยอย่าเพิ่ง "เหมาเข่ง"  ว่าเป็นเพราะเรื่องกรรมไปเสียหมด

3. หยิบเอา A ในข้อ 2 มาพิจารณาว่าจะแก้ไขอย่างไร โดยลองไปหาหนังสือด้านการพัฒนาตนเองอ่านตามร้านหนังสือ หรือ google โดยใช้คำค้นหา เช่น
1.ทักษะการวางแผนชีวิต
2.การวางเป้าหมาย
3.การเขียนแผนดำเนินงาน
ข้อนี้ คุณ pp ควรจริงจังให้มากๆเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะฉุดให้คุณ pp ขึ้นมาจากหุบเหวที่มองไม่เห็นแสงให้ เห็น "หนทาง"  ที่ถูกต้อง ไม่หลงทางไปกับคำแนะนำแบบให้พึ่งดวง พึ่งเทพ

4.หยิบเอา B ในข้อ2มาพิจารณาแก้ไข โดยอาจารย์แนะนำให้ใช้ตามหลักที่พระพุทธเจ้าให้แนวทางไว้ คือ  
การทำทาน 
การรักษาศีล5  ศีล8ในวันพระ
การสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญสมาธิ

ให้ทำสม่ำเสมอทุกวัน เช่น ทำบุญ 10 บาทก็ทำสิบบาททุกวัน  อย่าทำ 5 บาท  10บาท  50  บาท 10บาทสลับไปสลับมา 
หรือสวดมนต์บ้างไม่สวดบ้าง  ไม่เอานะครับ ให้คุณ pp ทำให้สม่ำเสมอเพราะลาภผลจะมาสม่ำเสมอตามที่เราทำ

และถึงจุดสำคัญ ก็คือ    ควรแผ่บุญให้เจ้ากรรมนายเวร   ให้คุณยาย   ให้ทุกคนที่เราติดค้าง  ทำแบบนี้ให้สม่ำเสมอ ภายใน 3 เดือนจะดีขึ้นครับ

อย่าปล่อยให้ความสงสัยเรื่องกรรมมาบดบังชีวิตจนเลยเถิด    เปลี่ยนความสงสัยนั้นมาเป็นพลังในการทำดีแล้วแผ่บุญให้พวกเค้า จะดีกว่ากันเยอะ    ทำแบบนี้ถึงได้ "ผลจริง" กับชีวิตครับ  ก็ขอแนะนำไว้ประมาณนี้ครับ


 
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 399
วันที่เขียน
21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 14:19:47
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร