ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

***หาทางออก****
รายละเอียด
สวัสดีค่ะ... อาจจะเป็นเพราะกรรมก็ได้นะค่ะ ที่ทำให้มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ..ขอเล่าถึงชีวิตตัวเองให้ฟังนะค่ะ วิได้แต่แต่งงานกับชายคนหนึ่ง.. งานแต่งงานจัดขึ้นด้วยความรัก ญาติทางฝ่ายสามี รักและก็เอ็นดูเรา นี่คือสิ่งที่วิได้จากคนรอบ ๆ ข้าง แต่พอแต่งงานได้ประมาณ 1 ปี พึ่งมารู้ว่า สามีที่ได้แต่งงานด้วย ได้ทำแฟนเก่าท้องก่อนแต่งงานกับเรา 1 เดือน ..พึ่งรู้เมื่อลูกเค้าคลอดได้ประมาณ 5 วันค่ะ ..ปิดมา 1 ปีเต็ม ๆ ....เค้าโกหกทั้งแม่ พ่อ และก็วิ เอง ว่าเลิกกับแฟนคนนั้นแล้ว ไม่ได้มีไรกันแล้ว ..และปัจจุบันสามีก็ได้กู้ร่วมกับแฟนเก่าซื้อบ้านใกล้ๆ กับบ้านที่วิอยู่กับพ่อแม่ของสามี ห่างกันไม่เกิน 4 โล.. เจ็บปวดมากค่ะ ที่สุดในชีวิต.. วิกับสามีอยู่ด้วยกันมาเข้าปีที่ 5 แต่งงานกับได้ 2 ปีแล้วค่ะ แต่ไม่มีลูกด้วยกัน ...พอรู้ร้องให้เป็นเดือนค่ะ พ่อกับแม่สามี..ก็ให้เลิกกับผู้หญิงคนนั้นซ่ะ ให้ส่งแค่ค่าเลี้ยงดู แต่สามีทำไม่ได้ เพราะว่าเค้ารักลูกมาก... ...ขอเล่าเรื่องประวัติแฟนเก่า..ของสามีนิดนะค่ะ ...แฟนเก่าคบกับสามีมาก่อนที่จะมารู้จักวิค่ะ แต่ด้วยที่แม่สามีไม่ชอบ ...ให้เลิกคบกันซ่ะ สามีเคยพามาอยู่ในบ้าน แม่สามีก็ให้ออกไปอยู่ข้างนอก ..เพราะยังไม่ได้แต่งงานอย่างถูกต้อง..แต่แม่ก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ ด้วยอะไรวิก็ไม่ทราบนะค่ะ.. และบอกให้เลิก แต่เคาก็ไม่คงไม่เลิก และแอบคบกัน ... แต่วิก็พอทราบนะค่ะ แต่เค้าบอกว่าเลิกกันแล้วไม่ได้ติดต่อกันแล้วก็เชื่อใจค่ะ .. ..แต่ตอนนี้ 1 ปีแล้วค่ะที่รู้เรื่องและก็อดทน ตอนนี้สามีกับวิ ได้ซื้อบ้านใหม่ แยกครอบครัวออกมาจากบ้านแม่กับพ่อของสามี อาจจะเป็นแผนของคุณสามีก็ได้ค่ะ เพราะถ้าอยู่ด้วยกัน เค้าไม่สามารถ ไปหาลูกได้ไปนอนกับลูกได้ เนื่องจากแม่กับพ่ออยู่ด้วย ..วิรู้ค่ะ ว่าถ้าซื้อบ้านใหม่แยกกันอยู่เหตุการณ์อย่างที่คิดก็จะต้องเกิดขึ้น เค้าขอไปนอนกับลูกสัปดาห์ละ 3 วันปล่อยให้เราเฝ้าบ้าน.. เราก็อดทนค่ะ อย่างไงซ่ะเค้าก็เป็นพ่อลูกกัน อย่าเป็นคนทำให้พ่อกับลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน ช่างเถอะ อะไรทำนอนนั้น อาจจะเรียกว่า รักเค้ามาก ก็เลยยอมได้ทุกอย่าง .. ..บ้านหลังใหม่ วิผ่อนครึ่งหนึ่ง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอื่นๆ ในบ้านวิออก เนื่องจากเค้าต้องผ่อนบ้านหลับที่แม่กับพ่ออยู่ด้วย ..ฐานะหน้าที่การงานก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง.แต่วิเหลือเงินเดือนแค่ 1ใน 4 สำหรับใช้ บ้างเดือนเงินไม่พอใช้เค้าก็ไม่เคยถามสักคำนะค่ะว่าเงินพอใช้ไหม..หน้าที่ดูแลบ้าน ซักผ้ารีดผ้าถูบ้าน หาข้าวหาปลา วิทำไม่เคยขาด....สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำกับเราตลอดระยะเวลา 2 ปีหลังแต่งงาน เวลาไม่พอใจก็มีลงไม้ลงมือ ตบบ้างทำนองนั้นค่ะ ..เวลาไปเที่ยวด้วยกัน 2 คน เช้ากับเย็น เค้าต้องโทรหาลูก วันละ 2 ครั้ง ทุกครั้งก็จะขอเราก่อน แต่ทั้ง ๆ ที่ลูกยังพูดไม่ได้ ..เค้าอยู่กับเราเค้าก็ Line คุยกับลูก ต่อหน้า จนตอนนี้ก่อน 4 ทุ่มวิจะไม่วุ่นวายกับเค้าวิอยู่ห้องใหญ่ เค้าอยู่ห้องทำงาน รู้ค่ะว่าเค้าจะต้อง line คุยกับลูก ถึงเวลานอน เค้าก็มานอน แต่ไม่ได้มีไรกันนะค่ะ .. 3 เดือนแล้ว วิอยากมีค่ะ..ขอเค้าเค้าบอกไม่มีอารมย์ อาจจะกลัวท้องกับเรามั้งค่ะ แต่วิก็ช่างเถอะ เค้าคงเครียด .. ก็มีแอบร้องให้ค่ะ ..วิอยากมีลูกกับเค้าตั้งแต่เราแต่งงานกัน แต่ตอนนี้ก็อยากมีนะค่ะ เพราะวิคิดว่าลูกคือทุกสิ่งของชีวิตผู้หญิง จะอยู่จะสู้หรือจะทำอะไรอย่างน้อยก็รู้ว่าทำเพื่อใคร ..แต่มาตอนนี้เค้าบอกวิว่า เค้าจะไม่มีลูกกับวิ เพราะว่าเค้ามีลูกแล้ว เค้าไม่อยากให้มันวุ่นวายไปกว่านี้ โน้นก็ลูก นี่ก็ลูก เดี๋ยวจะหาว่าพ่อรักลูกไม่เท่ากัน .. วิน้ำตาไหล ..เคยคิดนะค่ะว่าถ้า รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิด จะมาแต่งงานกับเราทำไม ..ตลอดเวลาวิไม่เคยบอกพ่อกับแม่วิ กลัวท่านจะเสียใจ ไม่อยากให้ท่านเครียด แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้บอกพ่อกับแม่วิไปแล้วค่ะ เพราะว่าอาจจะทนไม่ไหวแล้ว พ่อกับแม่ก็บอกว่า ถ้าเค้าไม่รักเรา ก็เลิกไปซ่ะ กลับมาอยู่บ้าน พ่อกับแม่ไม่ปล่อยให้ลูกลำบากหลอก แต่เค้าเห็นเรารัก เค้าก็ให้แค่คำแนะนำ ค่ะ การตัดสินใจอยู่ที่เรา ..พ่อกับแม่ไม่เค้ามาก้าวกายในชีวิตคู่..แต่แม่ก็เป็นห่วงโทรมาหาตลอด ..เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเค้าพึ่งบอกเราค่ะ ว่าเค้าจะไปนอนกับลูกสัปดาห์ละ 3 วัน อยู่กับเรา 4 วัน .. วิก็พยายามคิดอยู่ในใจเสมอว่าชีวิตแบบนี้มันมีแต่ทุกข์ กัดกินใจเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเรามีลูก ก็คงต้องสงสารลูก พยายามตัดใจ พยามเลิก บอกกับพ่อกับแม่ของสามี เค้าก็ปลอบใจ ..ให้เราตัดสินใจ เค้าก็ไม่อยากให้เราทุกข์ ลูกชายเค้ามันไม่ดีเอง แต่แม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แม่เค้าพูดอะไรไม่ได้ เพราะว่าเงินทุกบ้านทุกสตางค์ เค้าเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว..เค้าไม่ฟัง ..เค้าก็จะกลายเป็นคน 2 เมีย 3 บ้าน เราก็เป็นทั้งเมียน้อย เมียหลวงในเวลาเดียวกัน วิรักบ้านหลังนี้มากค่ะ รักเค้ามากทั้ง ๆ ที่เค้าก็ไม่เคยดีกับเรา ไม่เคยจะอะไรกับครอบครัวของวิ .อาจจะเรียกว่าโง่ก็ได้..ไม่เคยเล่าให้เพื่อนฟัง..นอกจากพ่อกับแม่ของเราและของสามี..เวลาทำงานจิตก็วนเวียนคิดแต่เรื่องพวกนี้.. คิดจะไปจะเลิก วันละหลาย ๆ รอบ สวดมนต์ขอให้ถ้าอยู่กับเค้าและทุกข์มากกว่าสุขถ่วงความเจริญก็ขอให้เลิกกัน แต่ถ้าอยู่ด้วยกัน และสุกข์มากกว่าทุกข์มีความเจริญขึ้นก็ขอให้ได้มีครอบครัวแบบปรกติเหมือนคนอื่นๆ เค้า .. อย่างน้องสิ่ิงศักดิืสิทธิ์ได้ดลใจ เพราะไม่รู้จะเอาอย่างไงกับชีวิตแบบนี้ .. ดี ..ชีวิตเรา 2 คนอยู่ด้วยกันว่า ผ่านอะไรกันมาเยอะค่ะ ไปเที่ยวต่างประเทศ เจอสิ่งดีดี มาด้วยกัน มันก็เลยผูกพันธ์ ก็เลยทำให้เราเลิกกับเค้ายาก..ถ้าเราไปเค้าจะส่งบ้านอย่างไร 2 หลัง ก็ 60,000 บาทไปแล้ว เป็นห่วงเค้าอีก ..วิไม่ดีเอง ที่รับสภาพนี้ไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับเรา.. แต่เราอาจจะเสียใจเพราะอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่มีอนาคต เค้าไม่มีแม้แต่ให้ความหวังกับเรา..เค้าบอกว่าถ้ารับสภาพนี้ไม่ได้ก็เลิกกันไปซ่ะ..พอเราจะไปเค้าก็มาง้อเราทุกที.. วิยังยิดติดในเรื่องบ้าน เรื่องหน้าตาทางสังคม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราหายทุกข์ เลย ..ผู้ชายคนนี้ก็มีส่วตดีนะค่ะ เค้ารักลูกเค้ามาก หายากผู้ชายที่รักลูกมากขนาดนี้ ถ้าเค้ามีลูกกับเรา เค้าคงรักลูกของเรา เหมือนกัน ( มันเกิดการขัดแย้งกันในตัว เลิกกับอยู่ จึงทำให้เราเป็นทุกข์ และไม่มีความสุขในทุกวันนีค่ะ ) ..อยากเข้มแข็งค่ะ อยากเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่กล้าติดสินใจ.. ขอสิ่งศักดิ์สิทธ์ให้วิได้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมอันนี้ไปได้ในเร็ววันด้วยเถอะค่ะ
ความต้องการ
..ขอคำแนะนำด้วยค่ะ .. อย่างน้อยก็ได้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ กับความทุกข์ที่เกิดครั้งนี้ ..
ชื่อผู้ถาม
วิ
วันที่เขียน
13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 15:02:28
จำนวนคนเข้าดู
1619

คำตอบ

คำตอบที่ 1

ตอบคุณวิ

เท่าที่อาจารย์ฟังสภาพปัญหาแล้ว เข้าใจว่าตัวคุณวิเอง เป็นคนมีความฉลาด รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่
มีนิสัยห่วงหน้าพะวงหลัง กังวลกับเรื่องในอนาคต เรื่องความคิดของคนในสังคม เรื่องความหลังที่
ผูกพันกันมาก่อน ฯลฯ ทำให้ความฉลาดในตัวไม่สามารถพัฒนามาเป็นตัว "ปัญญา" ที่จะตัดกองทุกข์นี้ได้
 
อาจารย์ขออนุญาตให้คำแนะนำ ดังนี้ คุณวิลองนำไปพิจารณาดูว่าจะปฏิบัติตามหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับตัวคุณวิเองอาจารย์คงทำได้แค่แนะนำเท่านั้นครับ
 
1.ชีวิตมีสุขและทุกข์สลับกันไปมาเรื่อยๆ หากคุณวิเชื่อเรื่องกรรมหรือชาติปางก่อนแล้ว จะพบว่า ชีวิตคู่ที่เป็นแบบนี้คุณวิเอง(หรือแม้ตัวอาจารย์เอง)ก็พบกับอาการแห่งทุกข์นี้มาแล้ว ซ้ำๆแบบนี้ มานับครั้งไม่ถ้วน  คุณวิอาจจะรู้สึกทุกข์และอาลัยอาวรณ์ในความรักครั้งปัจจุบันนี้มาก แต่อาจารย์อยากบอกว่า คุณวิกำลังเข้าใจผิด   ตัวคุณวิ เคยพบเคยทุกข์กับความรักแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว และสามารถพ้นทุกข์มาแล้วเช่นกัน  ครั้งนี้ จึงเป็นแค่อีกครั้งนึงเท่านั้นที่ต้องมาพบทุกข์เพราะความรัก

ดังนั้น ลองติตรองดูว่า ตนเองจะทุกข์แบบนี้ซ้ำอีกกี่ครั้งถึงจะพอ  เมื่อไหร่ถึงจะเลิกจมอยู่กับกองทุกข์แบบนี้เสียที จะต้องร้องไห้อีกครั้งถึงจะมีสติจนเกิดปัญญาเห็นความเกิดความดับของกองทุกข์ และเข็ดหลาบกับความเหนียวรั้งกับอาการทุกข์นี้ และเมื่อไหร่ถึงจะมีปัญญาที่พบว่าความรักที่แท้จริงนั้นต้องรู้จักรักตนเองก่อน รักตนเองให้เป็นจึงรักคนอื่นเป็น   สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณวินี้ ไม่อาจเรียกได้ว่าความรักที่แท้จริงครับเพราะมันเป็นการเบียดเบียนตนเอง ยังไม่รู้จักรักตนเองเป็น  กลับไปคิดดูนะครับ
 
2.สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีหน้าที่ดลใจให้สามีคุณวิเปลี่ยนความคิดได้หรอกครับ  ทุกประการอยู่ที่ตัวคุณวิเอง ที่ต้องช่วยตนเองก่อนเมื่อรักตนเองเป็น ช่วยตัวเองได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงจะลงมาช่วย

ดังนั้น สิ่งที่คุณวิ ควรทำ คือ


2.1 ทบทวนตนเอง ว่าที่ผ่านมา ตนเองเป็นใคร ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ จบอะไรมา  ทำงานมากี่ที่ ประสบความสำเร็จอะไรบ้างล้มเหลวอะไรบ้าง  มีใครที่รักคุณวิ บ้าง พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน


2.2 ปัจจุบันทำตัวให้สมกับ “คุณค่า”  ของตนเองหรือยัง  ทำตัวให้คนที่รักคุณวิ เป็นทุกข์หรือเป็นสุข

2.3 คุณวิห่วงหน้าตา แคร์สังคม อะไรบ้าง  และสังคมที่คุณวิแคร์นั้น เค้ารักคุณวิหรือเปล่า  เค้ารักเท่ากับคนที่รักคุณวิ ในข้อ 2.1 หรือไม่

2.4 จากข้อ 2.2 คุณวิ จะเอา “คุณค่า” ของตนเอง มาสร้างอะไรดีๆให้กับตัวเองในอนาคตบ้าง หรือกับสังคมด้อยโอกาสบ้างก่อนที่คุณวิจะจากโลกนี้ไปโดยที่ได้สร้างผลงานดีๆให้กับตนเองหรือยัง
 
3."สวดมนต์ขอให้ถ้าอยู่กับเค้าและทุกข์มากกว่าสุขถ่วงความเจริญก็ขอให้เลิกกัน แต่ถ้าอยู่ด้วยกัน และสุกข์มากกว่าทุกข์มีความเจริญขึ้นก็ขอให้ได้มีครอบครัวแบบปรกติเหมือนคนอื่นๆ เค้า .. อย่างน้องสิ่ิงศักดิืสิทธิ์ได้ดลใจ เพราะไม่รู้จะเอาอย่างไงกับชีวิตแบบนี้ .. ดี"

 อันนี้ อาจารย์พูดตรงๆแบบไม่กลัวคุณวิโกรธ ครับว่า...  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านไม่ดลใจหรอกครับ
 
อุปมาเหมือน คุณวิ ยืนมอง เด็ก 2 คน ที่วิ่งแล้วหกล้มทั้งคู่

เด็กคนแรก นอนล้มและร้องไห้ โอดโอย ดิ้นไปดิ้นมา ร้องไห้เสียใจว่าไม่น่าล้มเลย วิ่งมาดีๆแล้ว ร้องเท้าก็ขาด กางเกงก็ขาด อายคนดูรอบๆ เมื่อก่อนวิ่งชนะทุกครั้งมีความสุขมากๆ ครั้งนี้ไม่น่าล้มเลยพร้อมภาวนาในใจว่าขอให้มีคนมาช่วยอุ้มฉันเถิด รักษาแผลให้ฉันเถิด ขอให้แผลฉันหายดีเหมือนเดิม

เด็กคนที่สอง นอนล้มและพยายามลุกขึ้นยืนเอง แต่ด้วยขาเจ็บจึงลุกไม่ถนัด เซไปเซมา แต่ก็กัดฟันลุกขึ้น น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดแต่ก็พยายามสู้กับความเจ็บปวด พยายามช่วยให้ตนเองพ้นจากความทุกข์
 
คำถาม คือ คุณวิคิดว่า  เด็กคนไหนมันน่าช่วยกว่ากัน ????????????
 
จงช่วยตนเองก่อนแล้วฟ้าดินจะช่วยครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะมาช่วย ก็ต่อเมื่อ คนๆนั้นจะลุกขึ้นยืนเมื่อยืนแล้วจะล้ม ท่านจะมาช่วยครับ
 
คำถามอีกครั้ง คือ คุณวิ  จะเป็นเด็กคนแรก หรือ คนที่สอง   ครับ
 
อาจารย์ขอฝากข้อคิดไว้เพียงเท่านี้ครับ
 

ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 399
วันที่เขียน
13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17:30:26
คำตอบที่ 2
อาจารย์ค่ะ ..ขอบพระคุณมากค่ะ ในคำแนะนำ ปัญญาคือสิ่งดับทุกข์ วิตัดสินใจ..ค่อย ๆ ถอนใจออกจากทุกข์นี้ ตลอดชีวิตที่่ผ่านมา วิไม่่เคยทำเพื่อพ่อแม่ นอกจากตัวเองและคนที่วิเรียกว่าแฟนกับสามี ต่อแต่นี้ไป..อนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่รู้ค่ะ จะดีหรือร้าย แต่ที่แน่ ๆ วิจะทำเพื่อคนที่รักวิมากที่สุด และก็เพื่อตัวเอง ..สามีปล่อยเค้าไปค่ะ..ให้เค้าได้อยู่กับสิ่งที่เป็นของเขา ขอบพระคุณอีกครั้งที่ให้แสงสว่าง และผลจะเป็นอย่างไร ถ้ามีโอกาส วิจะเค้ามาเล่าให้ฟังค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
วิ
วันที่เขียน
13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 21:52:52
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร