ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

น้องชายติดยา น้องสาวท้องในวัยเรียน เครียดมาก ดำเนินชีวิตไม่ถ
รายละเอียด
กุ๊กไก่ มีพี่น้อง 3คน นะค่ะ ตอนนี้ กุ๊กเรียนจบปริญญาตรีได้งานทำแล้ว แต่ครอบครัวเรายากจนค่ะ บ้านยังเช่าอยู่เลย แต่กุ๊กไก่เข้ามาทำงานในกรุงเทพไม่ได้อยู่บ้านค่ะ น้องชาย กับน้องสาวอยู่กับแม่ ซึ่ง แม่กุ๊กไก่ไม่ได้ทำงานค่ะ พ่อกุ๊กไก่เสียไปนานแล้ว น้องชายติดยาเสพติด ตอนนี้อายุ 24 น้องยังคิดไม่ได้เลยค่ะ ชอบพาเด็กแว๊นเข้ามาในบ้าน น่ากลัวมาก ของหายเป็นประจำ กุ๊กไก่ไม่อยากกลับบ้าน เพราะเครียดและกลัวค่ะ ส่วนน้องสาว อายุ 16 ตอนนี้มีลูกเสียแล้วค่ะ หาพ่อเด็กก้ไม่ได้ แม่กุ๊กไก่ต้องมานั่งเลี้ยงลูกให้ แล้วให้น้องสาวไปทำงานหาเงิน กุ๊กไก่ อยากถามว่า พอจะมีแนวทางการดำเนินชีวิตอย่างไรให้กุ๊กไก่ได้ทำตามไหมค่ะ เพราะเครียดมาก อยากจะซื้อบ้านให้แม่อยู่ แต่ถ้าจะต้องอยู่กับน้องที่ติดยามันก้น่ากลัวเกินไป ตอนนี้ได้แต่ให้เงินแม่และจ่ายค่าเช่าบ้านให้อ่ะค่ะ ทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่อยากกลับบ้าน เพราะเคยมีพวกขี้ยาเอาปืนมายิงหน้าบ้านตอนกลางคืนมันน่ากลัวมากจริงๆค่ะ บางทีเราเปนคนหาเงินแล้วกลับมาเจอแม่นั่งดื่มเหล้า ดูดบุหรี่ และน้องติดยามันเครียดมากค่ะ
ความต้องการ
มีวิธีคิด หรือวางแผนอย่างไรค่ะ หากท่านอื่นๆตกอยู่ในครอบครัวสภาพเช่นนี้
ชื่อผู้ถาม
กุ๊กไก่
วันที่เขียน
25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 00:03:24
จำนวนคนเข้าดู
1843

คำตอบ

คำตอบที่ 1
คุณเป็นคนดีมาก ขยันเรียนจนจบ ป.ตรี เก่งมาก กตัญญูรู้คุณ อยากช่วยเหลือครอบครัวพ่อแม่ให้เจริญก้าวหน้า คุณเป็นคนที่หาได้ยากมากในประเทศนี้ คนส่วนมากจะหลงระเริงกับการเที่ยวเล่นสนุกสนานไปวัน ๆ ไม่ได้คิดถึงอนาคตนัก ใจที่งดงาม ใจที่รับผิดชอบของคุณนี้ จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างงดงามและไม่ยากเลย หมั่นพัฒนาความรุ้ ความสามารถ ของตนเองอยู่เสมอ ไม่หยุดนิ่ง มองหาโอกาสใหม่ ๆ ทางอาชีพที่สุจริตถูกศีลธรรมและกฎหมาย จะทำให้มีความสุขระยะยาว ต้องอดทนให้มาก อย่าท้อ อย่าคิดว่า มีแต่เราตัวคนเดียว ไม่มีใคร 1. ตัวเรา ขยันทำงาน เรื่องเงินนั้น ไม่ว่าจะได้มากได้น้อย มีหลักในการจัดการแบบนี้ แบ่งเป็น 4 ส่วน เก็บสะสมไว้ส่วนหนึ่ง (ไม่เอามาใช้เลยในระยะเวลาใกล้ ๆ นี้) แบ่งไว้ใช้จ่ายประจำวันส่วนหนึ่ง ส่งให้พ่อแม่ส่วนหนึ่ง แบ่งไปทำบุญส่วนหนึ่ง (คุณลองคิดดูว่า ถ้ามีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน คุณจะแบ่งเป็น 4 ส่วน ๆ ละเท่าไหร่จึงจะเหมาะ) อย่าทุ่มเงินไปให้บ้านทั้่งหมด เราจะลำบากระยะยาว อย่าคิดว่า เงินทองจะซื้อความกตัญญูได้ เราส่งให้ทางบ้านเท่าที่เราทำได้ ยิ่งถ้ารู้ว่า เขาเอาเงินไปทำอะไรที่สูญเปล่าประโยชน์แล้ว ยิ่งต้องคิดให้มาก 2. พยายามคุยกับพ่อแม่ว่า เราทำงานยากลำบากมาก เหนื่อยมาก พักผ่อนก็แทบไม่พอ เพื่อจะมีเงินส่งมาให้ พ่อแม่น่าจะใช้จ่ายอย่างไรจึงจะถูกต้อง 3. น้องชายติดยา ถ้าหนูและญาติ ๆ สุดปัญญาดูแลจัดการเขาแล้ว ถ้าไม่มีหนทางอื่น การให้เขาเข้าคุก ก็อาจเป็นโอกาสอันดีให้เขาได้เรียนรู้และปรับตัวได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจว่าไป อย่าคิดว่า คุกเลวร้ายเกินไป เพราะคนบางคนเมื่ออยู่ข้างนอก ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร มีแต่ทำสิ่งเสีย ๆ หาย ๆ ให้เข้าคุกไปดัดนิสัยบ้าง ก็น่าจะดี 4. น้องสาว ต้องปลุกเร้าให้เขาคิดถึงอนาคต ตอนนี้เขาถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะมีลูกแล้ว เขาต้องวางแผน ทำงาน สู้งาน ลุยงานเพื่ออนาคตให้มาก ๆ อะไรที่มันผิดพลาดไปแล้ว เอาคืนไม่่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าต่อไป ช่วยกันเลี้ยงลูก/หลาน ให้เด็กรู้สึกอบอุ่น ไม่ขาดแคลนความรัก 5. สภาพแวดล้อมทางครอบครัวและสังคมรอบข้างดี จะทำให้เด็กเจริญเติบโตได้ดี หาก มีแต่ขี้ยา มีแต่มั่วสุมรอบตัวเด็ก อนาคตหลานของหนู คงจะไม่ค่อยดีนัก ต้องหาวิธีแก้ไข 6. ถ้ากลัวสภาพแวดล้อมแถวบ้าน ก็ไม่ต้องกลับบ้านบ่อย นาน ๆ ที หรือนัดพ่อแม่ออกมาพบในเมืองก็ได้ บอกเหตุผลไปทำไมเราไม่ไปบ้าน แต่เราก็ต้องติดต่อสื่อสารกับทางบ้านสม่ำเสมอ ฝึกหัดเจริญจิตภาวนา จะทำให้เรามีใจที่สงบ นิ่ง ระงับ อยู่กับปัจจุบันและจะมีพลังใจที่่แข็งแกร่งในการเผชิญกับปัญหาและความทุกข์ยากต่าง ๆ ลองฟังและฝึกทำดู ตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 01:37:55
คำตอบที่ 2
ตอบคุณกุ๊กไก่ อาจารย์ขออนุโมทนาในการทำหน้าที่ของลูก ที่ได้ช่วยเหลือทางบ้านด้วยการส่งเงินไปให้คุณแม่ เป็นธุระเรื่องค่าเช่าบ้านต่างๆ นี้ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ของลูกที่ดี ความดีนี้จะเป็นเครื่องค้ำจุนให้คุณกุ๊กไก่มีชีวิตที่ดีต่อไปแน่นอน สำหรับปัญหาพฤติกรรมคนในครอบครัวที่เล่ามานั้น อาจารย์ขออนุญาตเรียนตามตรงซึ่งอาจจะไม่ชวนฟังเท่าไหร่นักเพราะอาจารย์พูดตามความจริงของมนุษย์ อาจจะกระทบกับความรู้สึกของคุณกุ๊กไก่บ้าง แต่อาจารย์มีความจำเป็นต้องพูดเพื่อให้คุณกุ๊กไก่เห็นภาพชัด นั่นคือ เรื่องบัวมี 4 เหล่า คือ ความหมายของบัวสี่เหล่า 1. พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (คือ คุณกุ๊กไก่พูดแนะนำอะไรเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจเร็ว) 2. พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป 3. พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธา ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง 4. พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน ซึ่งคนจำพวกที่ 4 นี้ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านยังทรงหลีก การที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขคนอื่นนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย เพราะแม้แต่การที่เราจะเปลี่ยนแปลงตนเองยังทำได้ยาก นับประสาอันใดที่เราจะไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงคนอื่นทั้งๆที่เราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพวกเค้าเลย อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเค้าเป็นบุคคลในครอบครัว คุณกุ๊กไก่สามารถสงเคราะห์ได้ตามหน้าที่ที่ดีของลูก ตามที่ที่ดีของพี่สาวที่พึงกระทำ หลังจากนั้นแล้วก็ต้องเป็นไปตามรูปแบบทางที่ชีวิตที่เขาเลือกเองครับ คำถาม มีวิธีคิด หรือวางแผนอย่างไรค่ะ หากท่านอื่นๆตกอยู่ในครอบครัวสภาพเช่นนี้ อาจารย์ขออนุญาตแนะนำดังนี้ คุณกุ๊กไก่ควรตั้งใจพิจารณาแยกประเด็นว่า คุณแม่ น้องชาย น้องสาว ของเรานั้น แต่ละคนจัดอยู่ในบัวเหล่าใด แล้วจึงแยกแผนงานจัดการแต่ละคน โดย คุณแม่ : การที่จะให้ลูกสั่งสอนแม่นั้น บางครั้งเป็นเรื่องยากเพราะ วัยวุฒิไม่ได้ แม่ก็ยังมองเราเป็นลูกอยู่วันยังค่ำ ขืนไปพูดมากก็พาลจะโดนด่าเอาเสียเปล่าๆ ดังนั้น คุณกุ๊กไก่คงทำได้แต่เพียงแนะนำตามสมควร ไม่ใช้วิธีตำหนิพฤติกรรมท่านตรงๆ แต่ควรใช้วิธีตั้งเป้าหมายอื่นที่น่าจะมีอิทธิพลต่อท่านแทน เช่น พยายามใช้หลานให้เป็นประโยชน์ กล่าวคือ ถ้าแม่รักหลาน ก็ควรดูแลสุขภาพตัวเอง จะได้ดูแลหลานนานๆ เป็นต้น ถ้าคุณกุ๊กไก่พอมีเวลาและกำลัทรัพย์ อาจจะพาคุณแม่ไปตรวจสุขภาพร่างกายเพื่อให้หมอแนะนำ(พูดแทนตัวคุณกุ๊กไก่)เรื่องเหล้า บุหรี่ ข้อสังเกต การที่คุณกุ๊กไก่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านนี้ ส่งแต่เงินมานี้ อาจมีผลกระทบทางด้านจิตใจอยู่บ้างกับคนในครอบครัวเพราะความห่างเหิน ถ้าเป็นไปได้ควรใช้การโทรศัพท์ในการสื่อสาร ถามไถ่ สารทุกข์สุขดิบกันเป็นระยะๆเพื่อแสดงความห่วงใย รักษาความใกล้ชิดตามสมควรเพราะจะทำให้เราสามารถติดตามปัญหาของพวกเขาได้ทันท่วงที น้องชาย : การติดยาเป็นปัญหาแรก ถ้าเป็นไปได้ลองหารือกับน้องชายว่าสนใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือไม่ ถ้าพอมีนัยที่เขาอยากพ้นภาวะติดยานี้แต่ตัวเขาขาดกำลังที่เพียงพอ คุณกุ๊กไก่ก็ลองหาวิธีพาเขาไปบำบัดครับ เรื่องอื่นค่อยตามมาทีหลัง แต่ถ้าน้องชายยังพูดคุยและรับอะไรไม่ได้ในตอนนี้ก็คงต้องทำใจ น้องสาวและลูกน้องสาว : เป็นส่วนที่อาจารย์ให้ความสนใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะลูกสาว ที่กำลังเริ่มต้นชีวิต การที่ให้เด็กคนนี้เติบโตมาภายใต้สภาพแวดล้อมเดิมๆก็มีแนวโน้มที่อันตรายและเสี่ยงที่จะดำเนินรอยตามผู้ใหญ่ที่ไม่ดีได้ ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ อาจารย์อยากแนะนำให้คุณกุ๊กไก่วางแผนระยะยาวในการหาสภาพแวดล้อมใหม่ให้กับหนูน้อยคนนี้ หากปล่อยไว้ต่อไปคงไม่เป็นผลดีต่อเด็ก ปัจจุบันอาจารย์ไม่แน่ใจว่าหนูน้อยคนนี้อายุเท่าไหร่ ถ้ายังเล็กมากก็ต้องปล่อยให้โตขึ้นอีกสักระยะแล้วลองหาทางชักชวนน้องสาวด้วยการชี้ให้เธอเห็นอนาคตของลูก ว่าสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมภายในบ้าน ภายนอกบ้านอย่างไร และควรขยับขยายออกมาจากที่เดิมอย่างไร ก็ให้ลองปรึกษากันครับ เพราะอาจารย์อยากให้น้องสาวของคุณกุ๊กไก่เริ่มต้นชีวิตใหม่ อายุ 16 ปี ยังมีอนาคตที่ดีได้หากมีความตั้งใจจริง อาจลองชักชวนให้หางานทำที่ดีภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเดิมหากน้องสาวมีอนาคตที่ดี ก็จะส่งผลอีกต่อหนึ่ง คือ ลูกสาวของเธอก็จะดีตามไปด้วยเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว หากคุณกุ๊กไก่สามารถช่วยคนทั้งหมดในบ้านได้ย่อมเป็นเรื่องดีมาก แต่ถ้ากำลังของเรายังน้อยก็ควรเลือกการช่วยเหลือให้กับคนที่พอช่วยได้ก่อน อย่าเพิ่งตีเหมาจะช่วยทุกคนพร้อมกันเพราะจะทำให้มึนงงเริ่มอะไรไม่ถูก จากนั้นคอยจับอาการและสังเกตช่องทางที่จะเข้าไปช่วยแต่ละคนในภายหลังครับ สำหรับตัวคุณกุ๊กไก่เอง ก็อย่าห่วงคนอื่นจนลืมห่วงตัวเองครับ อนาคตของเราเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเรามีอนาคตที่ดีก็จะมีกำลังที่จะนำไปช่วยเหลือคนอื่นได้ ต้องวางแผนความก้าวหน้าให้ตนเองด้วย และต้องสร้างบุญ บารมี ด้วยการสวดมนต์ทุกวัน ทำทาน รักษาศีล และสวดมนต์นั่งสมาธิ เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณกุ๊กไก่มีสติ และบารมีที่มากพอที่จะชักจูงคนอื่นให้เดินตามคำแนะนำของเรา หากเรามีบารมีน้อยจะไปนำใครก็ยากครับ ท้ายที่สุดนี้ อาจารย์ขอบารมีคุณพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์ทั้งหมดได้โปรดคุ้มครองให้คุณกุ๊กไก่จงมีสติและพบกับโอกาสที่ดีงามของชีวิตนะครับ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 399
วันที่เขียน
26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 04:07:13
คำตอบที่ 3
กุ๊กไก่มาอ่าน ของท่านอาจารย์ ที่บอกว่า อย่าท้อ อย่าคิดว่ามีตัวเราคนเดียว ไม่มีใคร น้ำตาไหลเลยค่ะ เพราะกุ๊กไก่ต้องอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนี้มานาน ท้อไม่รู้กี่ครั้ง ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองคนที่ให้คำปรึกษาค่ะ ทำให้กุ๊กไก่มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย เรื่องของแม่นั้น กุ๊กไก่โทรคุยทุกวันค่ะเพราะเป็นห่วงส่วนเรื่องเหล้า บุหรี่ เป็นลูกไม่กล้าสังสอนแม่จริงๆค่ะ ได้แต่บอกว่าเหล้า บุหรี่นั้นไม่ดี แต่เขาก้ยังดื่มอยู่และสูบทุกวันแต่แอบไปสูบน่ะค่ะ น้องชาย กุ๊กไก่ ติดยาเสพติดตั้งแต่อายุ13 เป็นสิบปีแล้วก้ยังไม่เลิกเลยค่ะ เคยโดนจับตอนเปนเยาวนชนโดนคุมประพฤติก้ไม่ดีขึ้นนะคะ คุกก้เคยติดแต่ไม่นานค่ะ เหมือนว่าเขาไม่กลัวที่จะเข้าไปคุกแล้ว เรื่องของน้องชายนี่ กุ๊กไก่เครียดจริงๆนะคะ เพราะแย่ลงทุกวัน เคยกลับไปบ้านแล้วแทบไม่ได้นอนเพราะ น้องชาย เข้าออกบ้านตลอดทั้งคืน แย่มากๆ และเครียดจริงๆ น้องสาวของกุ๊กไก่ ตอนนี้ทำงานในสถานที่ดีสภาพแวดล้อมดีแล้ว แต่ก้กลัวจะดูแลลูกไม่ได้แค่นั้นเองค่ะ เป็นห่วงหลานเพราะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่บ้านแบบนั้น มันแย่จริงๆ จะให้แยกออกมาอยู่ที่อื่นคงลำบากแน่ๆ เลยต้องให้น้องกับหลานอยู่แบบนั้นไปก่อนค่ะ กุ๊กไก่จะทำตามคำแนะนำของอาจารย์ทั้งสองค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
กุ๊กไก่
วันที่เขียน
28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 02:11:53
ทั้งหมด 3 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร