ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

อยู่ด้วยกันเพราะสางาร
รายละเอียด
ดิฉันอายุ 28 ปี สามี 32 ปี ดิฉันแต่งงานกับสามีคนปัจจุบันอยู่ด้วยกัน 6 ปีกว่า และดิฉันมีลูกติดมา 1 คน และมีลูกกับสามีปัจจุบัน 1 คน เริ่มแรกดิฉันคบเค้ามีความสุขมาก เค้าแสดงออกมาถึงความห่วงใยทุกอย่างที่เค้าเรียกว่าความรักไม่รังเกียรติดิฉันและลูกของดิฉัน และดิฉันก็รักเค้าสุดท้ายเราแต่งงานกันพอเวลาผ่านไป 4 ปี เค้าเริ่มเล่นเฟสบุ๊ค (ปี 54 เดือนธ.ค.- 13 พ.ค.56) แล้วแฟนเก่าก็เข้ามาคุยทางเฟสกับเค้า คำพูดทุกอย่างในฐานะเมียดิฉันรับไม่ได้เหมือนจีบกันใหม่ บอกว่าคิดถึงตลอดเวลา หลับก็ฝันถึง เข้าใจแฟนเค้าทุกอย่าง ซื้อเสื้อให้แฟนเก่าเค้า 5 ตัว ส่งทางไปรษรีย์ ให้ความห่วงใยเค้าทุกอย่าง เอาง่ายเหมือนมีเมียอีกคน เค้าคบกันตอนที่ ม.4-6 แล้วแยกย้ายกันทำงาน แต่เค้าไม่ได้พบกันเลยมีแต่คุย (สามีบอก) ดิฉันถามเค้าว่าที่บอกกับแฟนเก่าเค้านั้นที่ว่าเค้าสงสารดิฉันคืออะรัย เค้าตอบว่า เค้าสงสารดิฉันจึงแต่งงานและอยู่ด้วยกัน ซึ่งมันเกิดจากความสงสาร ดิฉันสมเพสตัวเองมากที่อยู่ทุกวันนี้เพราะสามีสงสาร
ความต้องการ
ดิฉันจะทำตัวอย่างไรต่อไปค่ะ เค้าอยู่กับเราเพราะความสงสารเรา มันหมดความเชื่อใจแล้วค่ะจากการที่เค้าคุยกับแฟนเก่า
ชื่อผู้ถาม
แพรว
วันที่เขียน
2 กันยายน พ.ศ. 2556 14:11:15
จำนวนคนเข้าดู
3965

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ใจเย็นๆนะ ให้กำลังใจตัวเองก่อน อย่าเอาตัวเองไปผูกกับเค้า อีกภาคของความสงสาร มันก็คือความรักอย่างหนึ่งนั่นแหละ บางทีความรักของคนวัยที่ไม่ใช่หนุ่มสาวแล้ว มันอาจมีเหตุผลอะไรมากมายที่มากกว่าความใคร่ การที่เค้าดูแลเรา ดูแลลูกเรา ตามความเหมาะสมนนั้นก็ดูไม่มีอะไรผิด แต่ถ้าบอกว่าคิดถึงตลอด ฝันตลอด เค้ากำลังผิดศีลอยู่นะ เค้ากำลังก่อกรรมอยู่นะ แฟนเก่าเค้ามีครอบครัวใหม่รึไม่ เรารับไหวมั้ยถ้าจะคบกันต่อ เค้าทำร้ายเราทางใดอีกมั้ย ทำร้ายร่างกาย รึพูดจาไม่เหมือนเก่า ระบายอารมณ์กับเรารึเปล่า ถ้าไม่ ถามตัวเองว่ารับไหวมั้ย ถ้าไม่ไหว ต้องพึ่งกฏหมาย อาจฟ้องหย่าได้ แต่ก่อนจะให้ไปถึงเรื่องนนั้น ลองคุยกับเค้าดูก่อนจะดีมาก ถามเค้าตรงๆ ยิ้มแย้มนะ อย่าใส่อารมณ์ คุยกันดีๆ กัดฟัน อย่าให้เกิดอารมณ์ใดๆ อย่ากดดันเอาคำตอบซะเลย ลองถามว่าเค้าคิดยังไง ให้ความมั่นใจก่อนว่าเรารับฟังได้ทุกเรื่อง ให้เค้าบอกเราว่าทางที่เค้าจะมีความสุข เค้าอยากให้เป็นแบบไหน ไม่ต้องห่วงเรา รึอะไรทั้งนั้น ถ้าเค้าอยู่กับเราแล้วไม่มีความสุข เราเองก็พลอยไม่มีความสุขไปด้วย ลองถามเค้าดูดีๆก่อนนะ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
3 กันยายน พ.ศ. 2556 11:33:42
คำตอบที่ 2
ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่รับฟังหนูและให้คำปรึกษา หนูขอปรึกษาต่อนะค่ะ แฟนเก่าเค้าแต่งงานใหม่แล้วแต่ไม่มีลูกเค้าบอกว่าเค้ากลับมาบ้านต่างจังหวัดถึงรู้ว่าสามีหนูแต่งงานกับหนู หนูบอกว่าให้สามีหนูโทรไปบอกแฟนเก่าว่าเลิกติดต่อกันและจบกันไปแต่สามีหนูเค้าไม่พูดกลับใส่อารมณ์กับหนูมีแต่พูดว่าเค้าพูดไปแบบนั้นแหละ บอกว่าจบก็จบ นี่แหละคือสิ่งที่เค้าบอกกับหนูมีแค่เท่านั้น แต่เค้าทำหนูเจ็บช้ำใจมากแต่ได้รับคำตอบเพียงแค่บอกว่าจบก็จบ เค้าพูดไปแบบนั้นแหละ หนูว่าเค้ามักง่ายมาก แต่ทำใมเค้ากับไม่กล้าบอกกับแฟนเก่าเค้าคงกลัวเค้าเสียใจ แต่กล้าทำร้ายจิตใจเมียตัวเอง ตะคอกใส่หนู แล้วหนูถามแฟนเก่าเค้าว่าทำใมต้องพูดให้ความหวังกันด้วย เค้าก็ตอบแบบเดียวกันเลยค่ะว่าไม่มีรัยหรอกพูดไปแบบนั้นเฉยๆ แต่ ณ ปัจจุบันนี้หนูขาดความมั่นใจมากเลยว่าเค้ารักหนูมั้ย กลัวเค้าโกหกว่ารักหนูอยู่ หนูกลัวทำให้เค้าเป็นทุกข์ที่ไม่ได้อยู่กับแฟนเก่า บังคับจิตใจเค้าทนอยู่กับหนูไปเฉยๆ ความจริงหนูกลัวตัวเองบาป เมื่อรู้ว่าเค้ารู้สึกดีต่อกันจากข้อความที่อ่าน 3000 ข้อความมันเป็นความรู้สึกที่คน 2 คน รู้สึกรักกันอยู่ เพราะหนูรู้ว่าสามีหนูเค้ารู้สึกแบบนี้จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องดำเนินชีวิตอย่างไรถึงเป็นสุข ถ้าเลิกกันหนูก็สงสารลูก หรือคิดให้ตัวเองเป็นสุขกว่านี้ หนูขอรบกวนอาจารย์อีกรอบนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
แพรว
วันที่เขียน
3 กันยายน พ.ศ. 2556 13:44:26
คำตอบที่ 3
ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่รับฟังหนูและให้คำปรึกษา หนูขอปรึกษาต่อนะค่ะ แฟนเก่าเค้าแต่งงานใหม่แล้วแต่ไม่มีลูกเค้าบอกว่าเค้ากลับมาบ้านต่างจังหวัดถึงรู้ว่าสามีหนูแต่งงานกับหนู หนูบอกว่าให้สามีหนูโทรไปบอกแฟนเก่าว่าเลิกติดต่อกันและจบกันไปแต่สามีหนูเค้าไม่พูดกลับใส่อารมณ์กับหนูมีแต่พูดว่าเค้าพูดไปแบบนั้นแหละ บอกว่าจบก็จบ นี่แหละคือสิ่งที่เค้าบอกกับหนูมีแค่เท่านั้น แต่เค้าทำหนูเจ็บช้ำใจมากแต่ได้รับคำตอบเพียงแค่บอกว่าจบก็จบ เค้าพูดไปแบบนั้นแหละ หนูว่าเค้ามักง่ายมาก แต่ทำใมเค้ากับไม่กล้าบอกกับแฟนเก่าเค้าคงกลัวเค้าเสียใจ แต่กล้าทำร้ายจิตใจเมียตัวเอง ตะคอกใส่หนู แล้วหนูถามแฟนเก่าเค้าว่าทำใมต้องพูดให้ความหวังกันด้วย เค้าก็ตอบแบบเดียวกันเลยค่ะว่าไม่มีรัยหรอกพูดไปแบบนั้นเฉยๆ แต่ ณ ปัจจุบันนี้หนูขาดความมั่นใจมากเลยว่าเค้ารักหนูมั้ย กลัวเค้าโกหกว่ารักหนูอยู่ หนูกลัวทำให้เค้าเป็นทุกข์ที่ไม่ได้อยู่กับแฟนเก่า บังคับจิตใจเค้าทนอยู่กับหนูไปเฉยๆ ความจริงหนูกลัวตัวเองบาป เมื่อรู้ว่าเค้ารู้สึกดีต่อกันจากข้อความที่อ่าน 3000 ข้อความมันเป็นความรู้สึกที่คน 2 คน รู้สึกรักกันอยู่ เพราะหนูรู้ว่าสามีหนูเค้ารู้สึกแบบนี้จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องดำเนินชีวิตอย่างไรถึงเป็นสุข ถ้าเลิกกันหนูก็สงสารลูก หรือคิดให้ตัวเองเป็นสุขกว่านี้ หนูขอรบกวนอาจารย์อีกรอบนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
แพรว
วันที่เขียน
3 กันยายน พ.ศ. 2556 13:44:27
คำตอบที่ 4
โชคร้ายของเรา คือเราดันไปรู้ว่าเค้าคุยอะไรกัน เข้าใจความรู้สึกว่ามันเป็นแบบไหนตอนนี้ แต่ถ้าเค้าสองคนบอกว่าไม่มีอะไรเกินเลย เรื่องนี้ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ถ้ามองที่ลูก เราต้องตัดเรื่องความคิดเรื่องนี้ออกไปเลย ไม่ต้องไปสนใจเค้า ตราบใดที่เค้ายังเลี้ยงดู ส่งเสียเรากับลูก ถ้าทนหรือทำใจได้ก็อยู่ไป แต่ถ้าวันนึงเรื่องราวมันเลวร้ายไปกว่านี้ เตรียมใจไว้ด้วยนะ ไม่ได้แนะนำให้อดทนจนไม่ลืมหูลืมตา ก็หมั่นสังเกตุพฤติกรรมเค้าบ้าง ถ้ามันเลยเถิด ยังไงเราต้องตัดสินใจนะ สงสารลูกที่ครอยครัวแตกแยก แต่จะดีใจที่พ่อ มีพฤติกรรมแปลกๆหรือ แต่ยังไงเสีย เราบอกแฟนรึยัง ว่าเรารู้ว่าเค้าคุยอะไรกัน มันซาบซึ้งปานนั้น มันทำให้เราเสียใจ ทำแบบนี้ ไม่เรียกสงสาร เค้าเรียกเอาเปรียบ มองใหม่นะ ลองทบทวนดู อายุเราเท่าไหร่ บางที ถ้าเราได้ลองพูด ลองตกลงกับเค้า เราได้ช่วยคน ตั้งหลายคนไม่ให้ทำบาปด้วยนะ ตอนนี้เรามีทางเลือกอะไรในใจบ้าง
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
3 กันยายน พ.ศ. 2556 16:10:48
คำตอบที่ 5
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์ เค้ารู้เรื่องทุกอย่างที่หนูเปิดดูข้อความเค้า เค้าก็ไม่ขอโทษหนูเลยสักคำ มีแต่เลิกคุยแล้ว และจะไม่อธิบายอีก เพราะเค้ารู้ว่าทำผิดแต่ไม่อยากพูดรัยมาก หนูเปิดอกคุยกับเค้าทุกเรื่องเลยทั้งเรื่องเงิน การกระทำ ทุกอย่าง แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง หรือหนูควรปรับปรุงตรงไหน มีแต่หนูเท่านั้นที่จูนย์หาเค้าแก้ปัญหา แต่เค้ารับฟังอย่างเดียวไม่พูดไม่อธิบายมีแต่เงียบ หนูเลยไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกอย่างไรคือเค้าไม่ช่วยกันปรึกษาหารือกันเลยทั้งๆที่หนูไม่ได้เป็นคนก่อแต่ต้องมานั่งใจเย็น ว่าต้นสายปลายเหตุมาจากอะรัย พอมีเรื่องที่ก็เอาลูกมาอยู่ข้างตัวเองแล้วพูดว่าเราอยู่ด้วยกันนะลูก หนูเลยอยู่ไม่มีความสุขมันคาราคาซังในใจ ว่าเค้าคิดอย่างไร หนูจะต้องพูดอย่างไรดีเค้าถึงยอมพูดความรู้สึกที่เค้ามีทุกวันนี้ เพื่อจะได้กระจ่าง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเค้าไม่เคยพูดให้หนูมั่นใจเลย ถ้าเค้ายังไม่ยังใส่ใจหนู ไม่เห็นใจหนู และไม่ร่าเริงยิ้มแย้ม ทำเหมือนคนรักกันเหมือนเมื่อก่อน หนูคงทนไม่ได้ที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่รักเราแล้ว ต่างคนต่างก็ไม่มีความสุขทุกข์ใจเปล่า ทางเลือกหนู คือ หนูต้องหาบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง เมื่อยามที่ได้ฟังจากปากว่าหมดรักแล้ว ส่วนลูกคงต้องไปๆมาๆ บ้าน 2 หลัง แล้วบอกเหตุผลกับลูกว่า ให้พ่ออยู่ในค่าย(สามีเป็นทหาร)จะได้ทำงานสะดวก ส่วนแม่อยู่ข้างนอกคอยดูแลบ้านของเรา และประคับประคองแบบนี้ไป พอโตขึ้นเค้าคงรู้ และคงเข้าใจ หนูคงต้องรบกวนอาจารย์อีกรอบนะค่ะ เพราะหนูไม่มีที่พึ่งทางใจแล้วไม่สบายใจด้วยถ้าบอกแม่ว่าหนูยังไม่สบายใจแม่ต้องว่าหนูอีกแน่ เพราะที่ผ่านมาแม่รู้เรื่องหมดทุกอย่าง แม่ไม่ให้กำลังใจหนูเลยมีแต่ซ้ำเติมว่าหนูว่าไม่สนใจ ชอบปล่อยสามี เรื่องมันถึงได้เกิด น้อยใจค่ะ แม่บอกว่าไม่กล้าเตือนกล้าบอกกลัวลูกเขยไม่ชอบ งั้นหนูขอให้อาจารย์ชี้แนะหนูหน่อยนะค่ะขอบพระคุณค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
แพรว
วันที่เขียน
5 กันยายน พ.ศ. 2556 09:15:52
คำตอบที่ 6
อ่อนล้า และอ่อนแรงเต็มทนใช่มั้ย สู้นะ ต้องสู้ เรื่องไหนถ้ามันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายมันทำเราตายไม่ได้หรอก ปากยังกินได้ มือยังกำของได้ เราก็ยังเป็นคนอยู่ ต้องสู้ต่อ เจออะไรที่มันไม่เพรียบพร้อมก็ให้ตระหนักถึงบุญกรรมเข้าไว้ ให้อยู่อย่างเข้าใจมันนะ เรื่องนี้แม่ไม่อยากยุ่งอย่าไปโกรธแม่ เรื่องของครอบครัวเรา เค้าไม่ยุ่งแหละดีแล้ว เรื่องหาบ้าน ถือเป็นทางออกที่เราคิดว่าเหมาะสมกับเราในตอนนี้ ก็เก็บไว้ก่อน แต่ถ้าดูแล้วมันทำให้เราเดือดร้อนลำบากเรื่องเงินทอง ให้ค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปรีบร้อนหรือหักโหมเกินตัวไป เดี๋ยวจะมีเรื่องเครียดเพิ่มขึ้นมาอีก เค้าคงยังเสียดายเรา ที่ไม่ยอมปล่อยเรา เพราะยังไงเราก็มีดีระดับหนึ่งและอีกอย่าง จะให้เค้าไปหาแฟนเก่าก็ไม่ได้ เพราะเค้าก็มีครอบครัวแล้ว แต่ให้คิดไกลๆนะ วันข้างหน้าถ้าอะไรๆมันง่ายดายกว่านี้ เค้ากับ ผญ คนนั้น จะยังคงสัมพันธ์แค่นี้หรือไม่ ถามความมั่นใจและวิจารณญาณที่คบเค้ามาดูลองทบทวนดูว่า รู้จักคนอย่างเค้าดีแค่ไหน เวลาคิดพิจารณาอะไร ให้คิดดีไว้ก่อนนะ แต่ต้องบวกสติด้วย ธรรมะไม่ได้สอนให้มองอะไรดีไปหมด แต่สอนให้เรามีสติ มีเหตุมีผล อะไรที่ทำให้ทุกข์แล้วเราพยายามดิ้นรนออกจากตรงนั้น เพื่อพ้นทุกข์ก็ถือเป็นการกระทำที่ดี แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานว่าไม่ให้ใครเดือดร้อน ยินดีให้คำปรึกษา เรื่องการดำเนินชีวิตทางโลกนั้น อาจจำเป็นต้องอาศัยการตัดสินใจของเราอย่างถี่ถ้วนเหมาะสมนะ ส่วนเรื่องบริหารควบคุมจิตใจ ท้อแท้เมื่อไหร่ ยินดีแนะแนวทางให้ ถ้ารู้สึกอ่อนแอ ไปปฏบัติธรรมดูมั้ย อยู่ใกล้ที่ไหนก็ลองพิจารณาดู 1. วัดภัททันตะอาสภาราม ชลบุรี http://www.3pidok.com/main.php?url=news_view&id=8&cat=C 2. วัดท่ามะโอ ลำปาง http://www.3pidok.com/main.php?url=news_view&id=19&cat=C 3. ศูนย์ปฏิบัติธรรมมหาจุฬาฯ http://www.3pidok.com/main.php?url=news_view&id=19&cat=C 4. วัดป่าเจริญราช ปทุมธานี http://www.3pidok.com/main.php?url=news_view&id=14&cat=C จริงๆที่ไหนก็สงบได้ ถ้าใจยิ้มออก สลัดทุกข์ให้ได้ระดับหนึ่งก่อน เมื่อมีกำลัง ไปหาความปรีดาให้ดวงจิต ด้วยการปฏิบัติธรรมดูนะ อาจจะได้เจอสังคมใหม่ๆ คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ ที่เข้าใจกัน บางทีโลกก็อาจจะมีคนที่พร้อมจะเข้าใจเราอีกมาก
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
5 กันยายน พ.ศ. 2556 12:24:50
ทั้งหมด 6 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร