คำตอบที่ 1
1. เรื่องการทำธุรกิจการงานนั้น ไม่แน่ใจว่าพ่อหนูร่วมลงทุนให้มากน้อยขนาดไหน เขาก็เลยคิดว่า มันควรแผ่ให้ลูกคนอื่น ๆ ของเขาด้วย
2. จริง ๆ ญาติพี่น้องกัน ควรช่วยเหลือกัน ไม่ควรเอาเปรียบกันนะ
3. หากมีการพูดคุยแบบพี่น้อง กันเอง ตรงไปตรงมา มันน่าจะดีกว่านะ ในทุก ๆ เรื่อง ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย หนูและแม่หนูก็ควรคุยกับพ่อหนูอย่างจริงจัง
4.พ่อหนูไม่ว่าจะอย่างไร เราก็เคารพและไม่กระด้างกระเดื่อง เคารพและนอบน้อมไว้ดีที่สุด พ่อของเรา จะดีจะเลว ก็คือพ่อ เราตัดไม่ขาดหรอก มีอะไรที่จะช่วยทำให้พ่อสบายใจได้ เราก็ควรทำ แม้ว่าเราจะรู้สึกว่า เขารักเราน้อยกว่าลูกอีกคนก็ตาม
5. การทำอะไรด้วยความเกลียดหรือความแค้น มันคือการก่อไฟเผาไหม้ตัวเองในระยะยาว การต้องการเอาชนะใครอื่นนั้น มันเพาะนิสัยให้เรากระด้างและต้องการโชว์อวดอ้างว่า ชนะ หรือเหนือกว่า มันไม่เป็นผลดีกับตัวเราเอง เราควรทำทุกอย่างด้วยสติปัญญา เห็นว่ามันมีประโยชน์และเป็นสิ่งที่ดี อย่าไปเก็บรักษาความแค้นเลย ปล่อยมันไป แผ่เมตตา ยกทุกอย่างออกจากใจเรา เราจะมีความสุข และเราจะสามารถแผ่ความสุขนี้ให้คนอื่นได้ด้วย
6. ความดี ไม่ใช่เรื่องที่สับสน ต้องแยกแยะให้ได้ บางคนทำดี เพราะถูกบังคับ เพราะต้องการเอาหน้าตา เพราะชื่อเสียง เพราะเข้าใจผิด ๆ ว่า มันดี ก็เลยทำ ก็มีเยอะแยะ
7. ทำใจให้เย็นลง พูดกับทุกคนตามความเป็นจริง คิดถึงอกเขาอกเรา ญาติพี่นอ้งเลือดเดียวกัน หากไม่ช่วยเหลือกันแล้ว จะไปรอช่วยเหลือใคร ให้คิดแบบนี้ คนเรามีคนขึ้นมีลง
8. ทำอย่างไรก็ได้ในแต่ละวันให้คนที่มาติดต่อมาพบปะมาพูดคุยกับเราแล้ว ให้เขาได้รับความสุขความสบายใจกลับไป นั่นแหละ ถือว่า เราโอเคแล้ว
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 23:37:14
คำตอบที่ 2
ขอขอบพระคุณอาจารย์มากๆเลยนะคะสำหรับทุกๆคำปรึกษา และต้องขอโทษด้วยนะคะสำหรับคำปรึกษาที่หนูพิมพ์ไป ซึ่งอาจใช้คำที่ไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมนัก (หนูเพิ่งอ่านเจอตรงหน้าเพจค่ะ ว่าเป็น"พระ"อาจารย์ที่ให้คำปรึกษา ขอโทษนะคะที่ใช้คำไม่ถูกกาละเทศะ ^^)
ธุรกิจที่บ้านหนู เป็นของแม่หนูค่ะ แม่เพิ่งมาทำธุรกิจนี้ตอนรับหนูและน้องมาอยู่ด้วยกัน พ่อไม่ได้ร่วมลงทุนให้ แม่ต้องขายบ้านใน กทม. ซึ่งบ้านหลังนี้ แม่ทำงานเก็บเงินผ่อนเองค่ะ ขายบ้านได้ เงินส่วนนึง พ่อเขาดึงไปใช้ในเรื่องคดีความ(ซึ่งเป็นธุรกิจของพ่อเอง) ส่วนเงินที่เหลือ แม่เอามาซื้อตึกแถวเพื่อที่จะค้าขายได้และพื้นที่ด้านข้างตึกเพื่อสร้างโรงงานขนาดเล็กๆ (บ้านหลังที่ 2 นี้แม่ก็เอาเข้าธนาคารนะคะ เพื่อเอาเงินออกมาใช้จ่าย) ตอนตกแต่งบ้าน ค่าปูกระเบื้อง เจ้าของตึกเขายังออกให้แม่หนูก่อนเลยนะคะ ใจดีมากๆ ตอนแรกทำธุรกิจนี้ กระท่อนกระแท่นมาก หนูกับน้องก็ยังเด็ก ลูกค้าก็แทบไม่มี ไปขายของหน้าโรงงานบ้าง บางครั้งจำต้องโกหกว่ารู้จักคนนั้นคนนี้ในโรงงาน เพื่อที่จะได้เอาของเข้าไปขาย แม่ออกหาลูกค้าตามตลาด บางที่ก็ให้พ่อขับรถพาไป พอไปถึง พ่ออยู่บนรถค่ะ แม่เดินหิ้วของหาลูกค้าเอง ส่วนเรื่องแผ่ไปให้ลูกคนอื่นๆของพ่อ พ่อเตรียมให้ลูกเขาเรียบร้อยค่ะ เวลาลูกของพ่อพูด เขาก็จะบอกว่า มาช่วยกัน แต่การช่วยกัน แม่หนูต้องจ่ายเงิน 500 บาท ต่อการส่งของเพียงไม่กี่ชั่วโมง (น้ำมันรถเก็บแยก) และลูกค้าบางรายจำเป็นต้องส่งของตามเวลาใช่ไหมคะ จริงๆแม่หนูขับรถส่งเองก็ได้ แต่พ่อก็บอกว่าให้พวกเด็กๆ(ลูกพ่อ)มาช่วย เขาจะได้มีผลงานกัน และแล้ว ส่งของกี่ครั้งๆไปสายทุกครั้งบางครั้งนู่นค่ะ พุ่งไปเกือบ 2 ทุ่ม ลูกค้านัด 4 โมงเย็น พอโทรถาม บอกรถติดบ้าง ไปรับเพื่อนบ้าง ไปๆมาๆก็เหมือนเป็นความผิดของที่นี่(บ้านหนู) จริงๆแม่ก็ไม่เคยที่จะไปขอความกรุณา ให้เขามาส่งของเลยนะคะ แม่หนูก็บอกอยู่ว่าถ้ามีงานกัน หรือติดธุระ ก็ไม่ต้องมาหรอก เพราะทำเองได้ พูดเพื่อรักษาน้ำใจพ่อด้วยซ้ำ พอหนักเข้า ไปไม่ตรงเวลาเข้ามากๆ ลูกค้าโทรมาโวยวาย พ่อกลับตอบไปว่า ให้รู้จักจ่ายค่าโอทีบ้างสิ (OT=overtime ) สรุปเป็นความผิดของลูกค้าซะอย่างนั้น ตอนที่แม่กับหนูขับรถไปส่งของกันเอง (ลูกค้าเจ้าเดียวกัน) ออกจากบ้านช้ากว่าที่ลูกของพ่อขับออกซะอีก แต่ก็ส่งทันเวลา ไปถึงก่อนเวลาด้วยซ้ำ
สำหรับเรื่อง พี่น้องกันควรช่วยกัน พระอาจารย์คะ หนูขอเรียนด้วยความสัตย์จริง ไม่ว่าจะ แม่ หนู หรือน้องของหนู ทุกคนในบ้าน คอยช่วยเหลือบรรดาลูกๆของพ่อตลอดนะคะ ไม่มีใครคิดจะละเลยหรือมองข้ามค่ะ ช่วยจนแบบที่ว่า หนูสงสัยว่าหนูเนี่ย อยู่ในสถานะเดียวกะลูกของพ่อคนอื่นๆไม๊ อย่างเมื่อไม่กี่ปีก่อนแม่บังเอิญเจอเจ้าของร้านอาหารรายหนึ่งเขาจะย้ายไปที่อื่น เขาเลยชวนให้แม่มาเซ้งร้านต่อจากเขา แล้วเสียค่าเช่าให้เจ้าของที่เดือนละไม่กี่พันบาท ตอนนั้นแม่ไม่มีเงินก็เลยเล่าให้พ่อฟังว่าน่าสนใจ พ่อก็เลยชวนพี่สาวคนที่กล่าวถึงกระทู้ข้างบนอ่าค่ะ(หลังจากงานขายผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่แม่หนูคิดจะเปิดตลาดอ่ะค่ะ ข้าวของเงินทองยังเคลียร์กันไม่หมด) ว่าให้มาทำตรงนี้ไหมหุ้นกับแม่ของหนูก็ได้ แต่อย่างที่บอกไปแม่หนูไม่มีเงิน อีกอย่างงานที่บ้านก็ไม่แน่ไม่นอน ก็เลยไม่ขอหุ้นด้วย แต่แม่ก็ช่วยอุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้บางส่วนให้กับพี่ เพราะลำพังพี่สาวไหนจะซ่อมร้าน ตกแต่งร้านก็หมดเยอะอ่าค่ะ แม่ก็เลยให้ยืมเครื่องชงกาแฟ 2 ตัว เคาน์เตอร์บาร์น้ำ แก้วเบียร์ต่างๆ พ่อก็ให้แม่ไปช่วยค่ะ โดยเหตุผลที่ว่า ช่วยเด็กมันหน่อย ดูแลหน่อย เขาจะทำธุรกิจ (เด็ก!? พระอาจารย์คะ ลูกพ่อ อายุ 30 กว่าแล้ว) เรา 3 คนก็ไปช่วยค่ะ ตื่นเช้ามาก ไปเตรียมข้าวของ จัดร้าน รู้ไหมคะพี่เขามากี่โมง ในฐานะเจ้าของร้าน 10 โมง 11 โมงค่ะ มาถึงถามว่าขายได้ไหม ลูกค้าเยอะรึเปล่า ของบางอย่างแม่หนูต้องออกเงินจ่ายก่อน และรอเบิกคืนทีหลัง ของจุกๆจิกๆ แม่ก็ไม่ได้เบิกเอาเงินคืนนะคะ แรกๆ เอาคนงานที่บ้านไปช่วยยกข้าวของไปร้านอาหาร ทำความสะอาด ยืมคนงานไปช่วยงานที่ร้าน ไปนอนเฝ้า บ้านหนูกับร้านก็ห่างพอสมควร วิ่งรถประมาณ 10 นาที(อย่างเร็ว)วันไหนที่บ้านหนูมีงานเข้า ก็ต้องรอให้คนงานนั่งรถกลับมา พอบ่อยขึ้นแม่หนูบ่นกับพ่อ พ่อก็มาเฝ้าเองเลยค่ะ มานอนเอง(ไม่รู้ประชดหรืออย่างไร) แม่หนูเห็นสภาพแล้วก็เลยตัดปัญหาค่ะ ก็ให้คนงานที่บ้าน คนที่ไม่ค่อยรับหน้าที่เยอะนัก ให้เขามาเฝ้าร้านแทน และให้นั่งรถกลับแต่เช้าให้ทันเข้างาน ปัจจุบัน เขายังทำอยู่นะคะ แต่เขาหาจ้างลูกน้องเองแล้ว เครื่องชงกาแฟพังทั้ง 2 ตัว แม่บอกว่าถ้าไม่ใช้จะไปยกคืน เขาบอกพังยังไม่ได้ซ่อม ปัจจุบันก็ไม่ซ่อมมาคืน เอาของที่บ้านหนูไปขาย บ่อยครั้งที่ไปเอาของกับคนงานโดยไม่บอกเราก่อน จนคนงานต้องมาบอกถึงจะรู้และต้องโทรตามกันไป หนูว่าที่บ้านหนู ทุกคนไม่ได้ขาดตกบกพร่องนะคะสำหรับเรื่องการช่วยเหลือ ถึงแม้ที่บ้านจะไม่ค่อยทำบุญ แต่เราก็ช่วยเหลือคนที่มาขอความช่วยเหลือทุกครั้ง อาจมีบ่นบ้างตามประสาคนยังมีกิเลส อาจเพราะเหนื่อย หรือเกิดความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา แต่ดูผลที่ได้รับสิคะ
การพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา หนูรับรองได้ว่า พ่อ รับไม่ได้ 100 % แต่เดี๋ยวรอสักระยะหนึ่งให้น้องของหนูเรียนจบเรียบร้อยก่อน แม่เขาจะเป็นฝ่ายคุยกับพ่อเองค่ะเพราะแม่กลัวว่าลูกของพ่อจะไม่จ่ายเงินค่าของที่เบิกไปขาย เขาจะอ้างได้หากมีปัญหากัน แม่หนูพูดไว้แล้วว่าจะให้หนูกับน้องไปเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล จะได้ตัดปัญหากันไป หมดเวรหมดกรรมกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก
ส่วนเรื่องของพ่อ หนูยังเคารพอยู่ค่ะ ถ้าเจอก็ไหว้ อย่างน้อยเขาก็มีส่วนทำให้หนูและน้องเกิดมา ให้เกิดมาอยู่เป็นเพื่อนกับแม่ ช่วยเหลือแม่
เดี๋ยวนี้หนูจะไม่ทำอะไรเกินตัวแล้วค่ะ ถ้าอันไหนมันเกินความสามารถหนู หนูก็จะให้แม่ตัดสินให้ว่าควรหรือไม่ควรทำ
ส่วนการทำใจให้เย็นลง หนูจะพยายามนะคะ
ขอขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งนะคะสำหรับคำสั่งสอน หนูจะตั้งใจตั้งสติทุกครั้งก่อนทำอะไรก็ตาม ^^
ชื่อผู้ตอบ
liw
วันที่เขียน
25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 02:09:29