ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

มีปัญหากับพ่อ
รายละเอียด
สวัสดีค่ะ ตอนนี้หนูเรียนจบและทำงานในเมกา หนูส่งตัวเองเรียนตั้งแต่จบตรีที่เมืองไทย จนจบโทที่เมกาเมื่อปี 2553 เรียนจบมีงานทำประจำ ฐานะครอบครัวปานกลาง สมัยเด็กๆถือว่ายากจน หนูมีพี่สาวหนึ่งคน และลูกพี่สาวหนึ่งคนเรียนอยู่ชั้น ม.4 ตั้งแต่มาอยู่เมกา พยายาม ส่งให้ครอบครัว ต่อเติมบ้าน จะโอนเงินให้ทางบ้านเป็นครั้งๆไปในช่วงสมัยเรียน และชีวิตดีขึ้นหลังเรียนจบ มีงานประจำทำ ซื้อรถครอบครัวที่ปลอดภัยราคาแพงให้ที่บ้านได้ใช้ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เมื่อก่อนพ่อทำงานและออกจากงานเมื่อเค้าอายุ 55 ปี ตอนนี้ พ่อ 61 แล้ว เมื่อก่อนทำงาน มีสังคม เพื่อนฝูง แต่หลังออกจากงาน แกไม่ออกงานสังคม ไม่ค่อยมีเพื่อน อยู่แต่บ้าน เมื่อก่อน พ่อชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ช่วงที่ทำงานพ่อชอบดื่มกระทิงแดงวันละหลายขวด ชอบกินมันหมู พวกเราเตือนแกก็ไม่ฟัง จนกระทั่งตอนนี้แกเป็นเบาหวาน ต้องไปหาหมอเป็นประจำ ลูกๆเป็นห่วง แต่แกก็คุม น้ำตาลได้ ในระดับนึง ระดับน้ำตาลก็ขึ้นๆลง ตั้งแต่สมัยเด็กๆ แกชอบทะเลาะกับแม่เป็นประจำในเรื่องหึงหวง หึงให้ทุกคนไม่เว้นกระทั่งคุณปู่ แต่แม่เป็นคนดีมาก แม่ก็ทนมาได้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ แม่ทำงานบ้านทุกอย่าง ปรนนิบัติพ่ออย่างดี พ่อไม่เคยทำงานในบ้านเลย ทำกับข้าวเป็นบางครั้ง สมัยก่อนพ่อชอบเที่ยวผู้หญิงแม่ก็รู้ ตอนนั้นหนูยังเด็กไม่ค่อยรู้อะไร มารู้ตอนโต แต่แม่ก็ทนได้ คิดว่าพ่อเลิกเที่ยวผู้หญิงสมัยหนูอยู่ มัธยมปลาย พ่อนิสัยเริ่มเปลี่ยนไปมากหลังจากออกงาน หนูคิดว่าแกไม่มีอะไรทำ เลยหาอะไรให้ทำ เพาะเห็ดบ้าง ซื้อเครื่องออกกำลังกายให้ หลังจากพ่อออกจากงาน บ้านเราก็รับเลี้ยงเด็กสองคน คือพ่อกับแม่รักเด็กเหมือนลูก ค่าจ้างได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่ เงินรายได้ทางบ้าน มาจากหนูกับพี่สาวที่ส่งเสีย พ่อชอบตื่นแต่เช้า แล้วปลุกทุกๆคนให้ตื่น ชอบบ่นจู้จี้จุกจิก กับแม่บ้าง หลานบ้าง พ่อทำผิดไม่เคยที่จะรับผิด พาลไปทั่ว ชอบด่าแม่ ตะคอกแม่ บางทีแม่ก็เถียง ก็ทะเลาะกัน เป็นแบบนี้เป็นประจำ คือแม่เป็นผู้รองรับอารมณ์แก หนูกับพี่สาวเห็นใจแม่มาก เวลาแม่ไปข้างนอกกับเพื่อนบ้าง ส่วนใหญ่ แม่อยู่บ้านตลอดไม่ได้ไปไหน ขับรถไม่ได้ ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น เวลาแม่ไปข้างนอก หรือว่า ไปในเมือง แกก็จะโทรตาม จิกตลอดว่าอยู่ไหน เมื่อไหร่จะกลับ แม่กลับถึงบ้าน พ่อโมโหร้าย ทะเลาะกับแม่ทุกครั้ง ตอนนี้แม่ไม่ค่อยออกไปไหน เพราะไม่อยากทะเลาะกับพ่อ ช่วงตอนหนู กลับเมืองไทย เมษายน 2561 ที่ผ่านมา แกเป็นคนที่ชอบลนลาน แล้ว พาลคนอื่นไปทั่ว ทำให้คนรอบข้างอยู่แล้วเครียดไปด้วย หลังจากที่หนูกลับมาเมกา พ่อทะเลาะกับพี่สาวใหญ่โตมาก ไล่พี่สาวออกจากบ้าน พี่สาวกลับไปพักผ่อนที่บ้านแค่เดือนเดียวเท่านั้น เพราะพวกเราสองคนทำงานส่งครอบครัวตลอด หนูทำงานดีหน่อย ก็ให้เยอะหน่อย พี่สาวได้น้อยก็ให้น้อยตามอัตภาพ เขา ทะเลาะกันหลายเรื่องพี่สาวหนีออกจากบ้านตอนนี้ก็ยังไม่คุยกัน หนูพยายามเป็นสื่อกลางให้ ในใจพ่อรอพี่สาว แต่แกมีทิฐิสูง จนกระทั่งทุกวันนี้พี่สาวไม่ติดต่อกลับไปเลยไม่เหมือนเมื่อก่อนที่พี่สาวโทรไปคุยกับที่บ้านประจำ พ่อชอบใช้เงินฟุ่มเฟือย พี่สาวตามใจที่บ้านมาก พ่อขอเท่าไหร่ก็ให้ทั้งๆที่หนูก็ให้อยู่แล้ว แต่เราสองคนพี่น้อง บางทีก็ไม่ได้คุยกัน สรุป ทางบ้านได้เงินเยอะหลายทางจากหนู จากพี่สาว และบางครั้งก็ได้จากการเลี้ยงเด็ก พ่อชอบ จ่ายฟุ่มเฟือย แกอยากได้อะไรแกก็ซื้อ แล้วชอบบ่นว่าเงินไม่พอใช้ พูดทีไร เงินแกสองคน กินไม่อิ่ม หนูกับพี่เสียใจมาก เพราะล่าสุดพ่อจะเอาที่ดินไปจำนองไว้กับธนาคาร ธนาคารมาถ่ายรูป พอดีช่วงนั้นพี่สาว อยู่บ้านพอดีก็เลยรู้เรื่องเข้า ปรากฏว่าที่บ้านเอาสร้อยไปจำนำ คือว่าช่วงนั้น ก่อนเมษา ใกล้กำหนดที่หนูจะกลับไทย ที่บ้าน กลัวความแตก เลยจะเอาที่ดินไปจำนอง แล้วไปไถ่ถอนสร้อย จำไม่ได้กว่ากีหมื่น น่าจะสองหมื่นบาท แล้วเงินกู้หมู่บ้านอีก พี่สาวหนูบอกว่าไปปิดให้หมดเลย ทั้งๆที่หนู ส่งให้ที่บ้านเดือนละหมื่น แต่ ทางบ้านไม่เคยพอใช้เลย แกชอบคุยโอ้อวด เรื่องรถว่า คนธรรมดาซื้อไม่ได้ คันละเกือบสองล้านกว่า แบบว่าพูดสูงปลายฟ้า แกจะหวงรถมาก ใครแตะไม่ได้ ชาวบ้านไม่อยากคบ คือหนูรู้สึกว่า เหมือนส่งเสียให้พ่อเพิ่มกิเลส ไม่รู้จะทำยังไงดี ช่วงที่หนูกลับไทย หนูก็พาครอบครัวเที่ยวเปิดหูเปิดตา เพราะเขาอยู่บ้านตลอดไม่ไปไหน พ่อไม่เคยพูดดีๆกับแม่ ไม่เคยให้ของมีค่ากับแม่ หนูเลยคิดว่า ไปซื้อแหวนแล้วให้พ่อสวมให้แม่ที่ทะเลหัวหิน หนูเคยซื้อสร้อยแหวนให้แม่ แต่จำไซน์ไม่ได้ ก็เลยขอดูแหวน พ่อกับแม่บอกว่าหากุญแจตู้ไม่เจอ พ่อก็ด่าแม่ใหญ่เลยเรื่องหากุญแจไม่เจอทะเลาะกันใหญ่โต หนูฟังแล้วสงสารแม่ไม่เป็นไรค่อยหาวันใหม่ มารู้ทีหลังจากพี่สาวว่า พ่อกับแม่จัดฉากทะเลาะกัน ว่าหากุญแจไม่เจอเพราะว่าเอาสร้อยไปจำนำ กลัวหนูรู้ พี่สาวเลยบอกเรื่องไปปิดหนี้ให้ที่บ้านกับหนูฟัง หนูเสียใจมาก มันจุกที่อก ที่ผ่านมาหนูกลัวทางบ้านไม่พอกิน หนูเลยเรียกประชุมว่า จะทำยังไง ให้พ่อไม่ไปสร้างหนี้อีก ก็เลยให้เขาเขียนรายรับรายจ่ายส่งมาให้ดูทุกเดือน ถ้าพ่อไปสร้างหนี้อีกหนูจะหยุดส่งเงินตกลงกันต่อหน้าทุกคน รวมทั้งหลานสาว ปรากฏว่า เดือนที่ผ่านมา ยอดเงินในบัญชีเหลือ เจ็ดพันกว่าบาท หนูจะซื้อที่ดินเชียงใหม่ให้พ่อขับรถไปดูที่ให้หน่อย พ่อบ่นไม่มีเงิน มีเงินอยู่สามร้อยบาท หนูก็เริ่มเอะใจว่าเอาเงินไปไว้ไหนหมด ทั้งๆที่ในบัญชีเหลือยอดตั้งเจ็ดพันบาท หนูก็บอกไปว่า ถ้าไม่ไปหามา ว่า เงินมันหายไปไหนหนูจะไม่โอนเงินเดือนต่อไปให้ ปรากฏว่า แก ผ่อน ที่นอน ผ่อนตู้ ซื้อ MP3 ซื้อวิตามิน หวย คงซื้ออะไรออนไลน์ เพราะแกรู้ว่าสั่งซื้อของออนไลน์แล้วเก็บเงินปลายทาง แล้วบอกแม่กับหลานว่าไม่ต้องบอกหนูและไม่ต้องลงบัญชี หนูเสียใจมากกับที่พ่อปิดบังหนู ถ้าพ่ออยากได้อะไร ถ้ามีเหตุผลดีๆหนูซื้อให้ได้ ไม่ต้องเอาเงินเดือนที่บ้านไปใช้ผ่อน ซึ่งผ่อนของก็คือการสร้างหนี้ หนูซื้อให้ได้อยู่แล้วแต่แกเลือกที่จะปิดบัง มันจุกอยู่ที่อกอีกแล้ว ครั้งล่าสุดพ่อพูดประชดหลายอย่าง ว่าไม่ต้องส่งมาแล้วให้ที่บ้าน มีอะไรจะขายทุกอย่าง ใช้เงินหมดแล้ว จะกินยาตายกับแม่ มันทำให้หนูเครียดมากกว่าเดิม ในชีวิตแกไม่เคยเห็นแสงสว่างในธรรมมะเลย หนูอยู่ไกลบ้าน ไกลวัด หนูพยายามปฏิบัติศีลห้า หนูสวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ชีวิตหนูมีความสุข หนูก็อยากจะให้พ่อกับแม่ได้สัมผัสธรรมะดีๆแบบหนูบ้าง อย่างน้อยถ้าพ่อควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ทำให้คนรอบข้างเครียดมันจะดีมาก หนูจะสรรหาธรรมะในอินเตอร์เน็ต หนูชอบส่งคลิปธรรมะ ของ ท่าน ว วชิระเมธี ไปให้ฟัง เพราะฟังเข้าใจได้ง่ายและฟังแล้วสนุก ได้ข้อคิดด้วย หนูได้ข่าวจากแม่ว่าพ่อไม่เคยเปิดฟัง ถ้าแม่เปิดเขาปิด แล้วเปิดเพลงเสียงดังไปแปดบ้าน แม่บอกว่าก็เลยไม่ได้ฟัง จะได้ฟังตอนที่พ่อออกไปข้างนอกไม่อยู่บ้าน พ่อชอบดูแต่หนังฆ่ากันยิงกันแบบรุนแรง ตอนนี้หนูทะเลาะกับพ่อที่พ่อปิดบังหลายๆอย่างกับหนู ตอนที่ทะเลาะก็โกรธ แต่ก็หายโกรธแกแล้ว ก็เลยยื่นข้อเสนอให้พ่อไปปฏิบัติธรรม ถ้าพ่อตัดสินใจไปเมื่อไหร่ หนูกับพี่สาวจะกลับไปเหมือนเดิม ถ้าพ่อไม่ปรับตัว หนูบอกไปว่า พ่อจะเสียหนูกับพี่สาวไปทั้งสองคน หนู รู้สึกเครียดกลัวพ่อกินยาตายจริงๆ หนูอยากให้เขาได้เห็นธรรมะเหมือนหนูกับพี่สาวบ้างจะได้ควบคุม สติอารม์ ครอบครัวเราจะได้มีความสุข ขอบคุณทางเวปนี้มากๆและขอบคุณที่เสียสละเวลามาอ่านเรื่องราวของหนู หนูอยากให้พ่อได้มีความสุข จริงๆ ตอนนี้กิเลสแกหนามาก มีเงินใช้มีรถขับ แต่พอหาทางออกไม่ได้ก็จะกินย่าฆ่าตัวตาย หนูเครียดกับเรื่องนี้มาก
ความต้องการ
1.หนูควรทำอย่างไรที่จะทำให้พ่อตัดสินใจสนเรื่องธรรมะบ้างคะ 2.หนูยื่นข้อเสนไปว่าถ้าพ่อไม่ปรับปรุงตัว หรือไม่ไปปฏิบัติธรรม พ่อจะเสียหนูกับพี่สาวไป หนูไม่รู้ว่าหนูคาดคั้นพ่อเกินไปหรือเปล่า หนูควรพูดยังไงดี 3.ตอนนี้หนูเครียด ใจที่ฝึกๆมานั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำได้ไม่ดีเลยช่วงนี้ แต่หนูก็จะพยายามให้มันดีขึ้น เครียดกลัวพ่อกินยาตายจริงๆ เพราะพ่อพูดว่าถ้าพ่อกับแม่กินยาตาย ทุกคนก็จะประณามหนูกับพี่ ความคิดพ่อไม่ถูกต้องอย่างมาก มีวิธีพูดวิธีไหนทำให้แกเปลี่ยนความคิดบ้างไหนคะ 4.หนูเป็นครูสอนโยคะช่วงหลังเลิกงาน หนูเอาหลักธรรมะสอนนักเรียนในห้องเสมอ เวลาหนูโทรคุยกับพ่อ หนูจะพูดสอดแทรกเรื่องธรรมะ เหมือนที่สอนนักเรียน แกจะยื่นโทรศัพท์ให้แม่ทุกครั้ง คือพ่อไม่เปิดใจเลยสักนิดทำยังไงดีคะ 5.หนูประสบความสำเร็จ เรียนจบ มีงานทำเทียบเท่ากับคนเมกา ด้วยสองมือหนู ตอนนี้มีงานพิเศษสอนโยคะ มีรายได้พอเลี้ยงดูครอบครัว หนูอยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจ แต่ดูแล้วมันกลับกัน เหมือนกับว่า เรามีรายได้เยอะ เขาก็ขอเยอะขึ้น ก็เลยตั้งเป็นเงินเดือนให้ แต่ก็บริหารกันไม่ได้อีก เอาเงินไปใช้ซื้อของฟุ่มเฟือย พอใกล้สิ้นเดือนมาเงินไม่เหลือหนูกลัวเขาไปสร้างหนี้อีก เรื่องนี้ทำให้หนูกลุ้มใจไม่น้อยเหมือนกัน มีวิธีไหนช่วยให้หนูทำให้เขารู้จักคำว่า”พอ” ไหมคะ 6.สุดท้ายที่สุด หนูอยากให้พ่อได้เห็นธรรมะ แล้วจิตใจจะได้ดีขึ้น ไม่หึงหวงแม่ ไม่ใส่อารมณ์กับแม่อีก ได้โปรดช่วยหนูด้วยว่าจะทำให้พ่อเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไรบ้าง
ชื่อผู้ถาม
คนไกลบ้าน
วันที่เขียน
2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 05:54:44
จำนวนคนเข้าดู
1221

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1.หนูควรทำอย่างไรที่จะทำให้พ่อตัดสินใจสนเรื่องธรรมะบ้างคะ ตอบ อาจต้องใช้วิธี ใช้ความโลภล่อให้ทำกุศล ลองคุยดูประมาณว่า จ้างไปปฏิบัติธรรม คุยดู ถ้าพ่อไปอยู่วัดปฏิบัติธรรมได้ เราจะให้วันละ เท่าไหร่ เช่น อยู่ 5 วัน เราให้ 5000 อยู่ 10 วัน เราให้ 12000 ฯลฯ การจ้างคนไปปฏิบัติธรรมนั้น เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ แต่จะได้ผลแค่ไหน ก็ต้องลองดู และเราก็ต้องติดต่อวัดไว้ เล่าให้ทางวัดฟังว่า นายคนนี้ ๆ เป็นแบบนี้ ๆ จะให้มาอยู่ฝึกภาวนากับทางวัด ขอทางวัดช่วยดูความคืบหน้าของเขาด้วย สมัยพระพุทธเจ้า ก็มีพ่อที่จ้างลูกให้ไปฟังธรรมะของพระพุทธเจ้านะ ตอนแรก ๆ เขาก็โลภ ก็ไป ได้เงินมาก ก็ไปเรื่อย ๆ นาน ๆ เข้า ฟังธรรมะบ่อย ๆ เข้า เห็นธรรม เลยละอายใจ ไม่รับเงินค่าจ้างอีกเลย ดังนั้น วิธีนี้ จึงใช้ได้ ทำได้ ไม่ผิดอะไร เพราะเราจ้างคนไปสร้างกุศล ไม่ได้จ้างไปทำอกุศล 2.หนูยื่นข้อเสนไปว่าถ้าพ่อไม่ปรับปรุงตัว หรือไม่ไปปฏิบัติธรรม พ่อจะเสียหนูกับพี่สาวไป หนูไม่รู้ว่าหนูคาดคั้นพ่อเกินไปหรือเปล่า หนูควรพูดยังไงดี ตอบ ไม่เกินไปหรอก พูดได้ บางคนนั้น ก็ต้องใช้ไม้เข้ม ๆ บ้าง จะนุ่มนวลตลอดเวลา คงไม่ได้ผล การที่เราแข็งบ้าง จะทำให้เขาคิดได้ สำนึกได้ ก็ได้ 3.ตอนนี้หนูเครียด ใจที่ฝึกๆมานั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำได้ไม่ดีเลยช่วงนี้ แต่หนูก็จะพยายามให้มันดีขึ้น เครียดกลัวพ่อกินยาตายจริงๆ เพราะพ่อพูดว่าถ้าพ่อกับแม่กินยาตาย ทุกคนก็จะประณามหนูกับพี่ ความคิดพ่อไม่ถูกต้องอย่างมาก มีวิธีพูดวิธีไหนทำให้แกเปลี่ยนความคิดบ้างไหนคะ ตอบ ไม่ควรวิตกมากไป เราคุยกับแม่ของเราดีกว่า แม่ไม่ยอมทำตามพ่อแน่นอน และเชื่อว่า พ่อของหนู ก็กลัวตายมาก ไม่อยากตาย เขาคงไม่ทำแบบนั้นหรอก 4.หนูเป็นครูสอนโยคะช่วงหลังเลิกงาน หนูเอาหลักธรรมะสอนนักเรียนในห้องเสมอ เวลาหนูโทรคุยกับพ่อ หนูจะพูดสอดแทรกเรื่องธรรมะ เหมือนที่สอนนักเรียน แกจะยื่นโทรศัพท์ให้แม่ทุกครั้ง คือพ่อไม่เปิดใจเลยสักนิดทำยังไงดีคะ ตอบ อันนี้ ต้องทำใจ บางคนนั้น เขาไม่สนใจหรอก สิ่งดี ๆ ดีแค่ไหน มันไม่ถูกใจเขา ถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ก็ต้องทำใจเช่นกัน สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม ใครเชื่อแบบใด ชอบแบบใด ทำแบบใด ผลก็จะได้ตามนั้น เพราะเราไม่สามารถไปบังคับให้ใครเป็นอย่างที่เราคิดได้ เขาจะได้รับผลจากที่เขาเชื่อเขาทำเอง 5.หนูประสบความสำเร็จ เรียนจบ มีงานทำเทียบเท่ากับคนเมกา ด้วยสองมือหนู ตอนนี้มีงานพิเศษสอนโยคะ มีรายได้พอเลี้ยงดูครอบครัว หนูอยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจ แต่ดูแล้วมันกลับกัน เหมือนกับว่า เรามีรายได้เยอะ เขาก็ขอเยอะขึ้น ก็เลยตั้งเป็นเงินเดือนให้ แต่ก็บริหารกันไม่ได้อีก เอาเงินไปใช้ซื้อของฟุ่มเฟือย พอใกล้สิ้นเดือนมาเงินไม่เหลือหนูกลัวเขาไปสร้างหนี้อีก เรื่องนี้ทำให้หนูกลุ้มใจไม่น้อยเหมือนกัน มีวิธีไหนช่วยให้หนูทำให้เขารู้จักคำว่า”พอ” ไหมคะ ตอบ หนูทำดีสำหรับหนูแล้ว ไม่ต้องไปคาดหวังเสียงชื่นชม หรือความภาคภูมิใจจากใคร ๆ หรอก มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ขอให้หนูทำหน้าที่ของหนูต่อไป ให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่มีที่สุด และหนูไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้เขาทุกเดือนก็ได้ บอกเขาว่า หนูมีแผนการจะทำอะไร จะต้องใช้เงิน ขอให้ทางบ้านประหยัดลง งดฟุ่มเฟือย 6.สุดท้ายที่สุด หนูอยากให้พ่อได้เห็นธรรมะ แล้วจิตใจจะได้ดีขึ้น ไม่หึงหวงแม่ ไม่ใส่อารมณ์กับแม่อีก ได้โปรดช่วยหนูด้วยว่าจะทำให้พ่อเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไรบ้าง ตอบ หนูเป็นลูกที่ดีมาก หนูเป็นลูกกตัญญูมาก หนูทำดีมาก ๆ เท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ พยายามทำต่อไป และเมื่อทำถึงขีดสุดแล้ว ได้ผลแค่ไหน ก็แค่นั้น เราต้องทำใจเช่นกัน เงิน ซื้อชื่อเสียง ซื้อความสะดวกสบาย ซื้อวัตถุสิ่งของ ซื้อเพื่อน ซื้อบริวารได้ แต่เงิน ซื้อ ความกตัญญูไม่ได้ เงิน ทอง วัตถุสิ่งของที่เราส่งให้พ่อแม่นั้น ไม่สามารถบอกได้ว่า เราเป็นลูกกตัญญูที่แท้จริง แต่การที่เราสามารถชักจูงโน้มน้าวให้เขาสนใจธรรมะ จนมีดวงตาทางธรรม ทำให้เขาละ ลด เลิก โลภะ โทสะ โมหะให้เบาบางได้ นี่แหละ คือ สุดยอดลูกกตัญญู หนูทำดีที่สุดแล้ว ทำต่อไป อย่าหยุด พยายามต่อไป จนกว่าจะหมดสิ้นทุกวิธีการแล้ว ได้ผลแค่ไหน ก็ทำใจยอมรับมัน ---------------- ชีวิตของเรา ไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี ก็เป็นบทเรียนให้คนอื่นได้ ชีวิตคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านไม่ดี ก็เป็นบทเรียนให้เราได้ มันอยู่ที่ว่า เรารู้จักมองไหม เขาคนนั้นรู้จักมองไหม ตา มองให้เห็นจริง หู ฟังให้ได้ยินจริง ร่างกายสัมผัส ให้รู้จริง ๆ ใจ เข้าถึงจริง ธรรมะมีอยู่ทุกที่ ทุกลมหายใจเข้าออกของคนเรา ธรรมะ เป็นของฟรี ไม่ต้องซื้อ ขายให้กันไม่ได้ แค่เราใช้จิตของเราลงทุน ตั้งใจ ฝึกหัดและสร้างมันขึ้นมาในจิตของเราได้ คนอื่นยกธรรมะให้เราไม่ได้ ไม่มีใครสร้างธรรมะให้ใครได้ เราต้องฝึกเองทำเอง เหล่านี้คือธรรมะ สติ รู้ตัวจริงทุกขณะ ทุกอิริยาบถ สมาธิ ตั้งมั่นจริง ปัญญา รู้จริง วิริยะ ลุยทำจริง ขันติ อดทนได้จริง เมตตา รักชีวิตอื่นจริง กรุณา ช่วยเหลือชีวิตอื่นจริง มุทิตา ชื่นชมชีวิตอื่น ๆ ได้จริง อุเบกขา ยึดหลักเที่ยงธรรม ทำใจเป็นกลาง เมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นตามสภาพจริงได้ แต่ละวัน ฝึกจิตตัวเอง ให้มั่นคง คล่องแคล่ว ว่องใจ แจ่มใสในธรรมะ ฝึกจิตให้เป็นอิสระ ไม่ให้จิตเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ " ความเหงา เศร้า ว้าเหว้ ซึม ท้อแท้ เสียใจ น้อยใจ เครียด แค้น เคือง จองเวร ผูกเวร คับแค้น โกรธ หงุดหงิด โมโห เก็บกด อิจฉา ริษยา เพ้อ ร้องไห้ คร่ำครวญ อยากตาย ไม่อยากอยู่ วิตก ฟุ้งซ่าน เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ มักมาก หลงติด เสพติด ยึดติด ถือตัว กระด้าง เกียจคร้าน มักง่าย ติดสบาย สำออย สำอาง"
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 08:54:58
คำตอบที่ 2
ลองจ้างพ่อไปที่นี่ดู (ติดต่อไปก่อนได้) วัดภัททันตะอาสภาราม 118/1 หมู่ 1 บ้านหนองปรือ ตำบลหนองไผ่แก้ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 20220 พิกัด GPS: 13.2359660, 101.2095900 เว็บ: www.watbhaddanta.com อีเมล์: bhaddanta@gmail.com เฟสบุ๊ค: https://www.facebook.com/bhaddantaasabha ไลน์: @watbhaddanta.com ยูทูป: https://www.youtube.com/channel/UC-KPoUWjaoJL1b_9nq5xPnA โทรศัพท์(สำนักงาน) 038-160509 มือถือ(สำนักงาน) 086-8198358 มือถือ(แจ้งยอดทำบุญ) 084-6787160 การเดินทาง รถโดยสาร เดินทางโดยรถทัวร์ (บ.เชิดชัยทัวร์) เอกมัย 02-3912804 ออก 05:00 - 23:30 หนองปรือ 098-8327468 ออก 07:00 - 02:00 เดินทางโดยรถตู้ (บ.NJ ผู้ใหญ่ปู) หมอชิต เกาะดินแดง โต๊ะ 33 โทร 090-7319024-5 หนองชาก โทร 090-7318968 บ้านบึง โทร 091-4354738 หมอชิต โทร 090-7319025 รถออกเวลาตี 5 ถึง 1 ทุ่ม ทุกวัน โทร 090-5622019
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 08:55:46
คำตอบที่ 3
ขอบพระคุณมากๆนะคะหนูจะลองดูค่ะ ตอนนี้ แม่ และ หลานจะช่วยพูดให้อีกแรงนึง หนูรู้ว่าพ่อหนูเป็นคนดี แค่เขาหลงทางอยู่ หนูก็หวังว่าพ่อคงจะเปิดใจได้รับแสงสว่าง ก่อนที่มันจะสายไป
ชื่อผู้ตอบ
คนไกลบ้าน
วันที่เขียน
2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 09:07:06
ทั้งหมด 3 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร