ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ปัญหาชีวิตคู่และครอบครัวทั้งตัวเราและสามี
รายละเอียด
มีความรู้สึกอยากตายแต่อดทนเพราะลูกพึ่งหนึ่งเดือนกว่าค่ะมีปัญหามากมายในชีวิตไหนจะพ่อแม่แฟนไม่ชอบเราหาว่าทำของใส่ลูกเขาหาว่าเราท้องกับคนอื่นสาเหตุจากบ้านแฟนชอบสร้างหนี้เล่นการพนันเอะอะอะไรก็ขอเงินสามีเราตลอดพอสามีไม่ให้ก็เริ่มหาเรื่องเราหาว่าเราไม่ดีไหนจะครอบครัวหนูเองเขาก็รับสามีหนูไม่ได้ที่ไม่เอาไหนจนบ้านสามีก็มีแต่พวกการพนันขี้เหล้าทำให้ครอบครัวเรารับไม่ได้ตั้งแต่แต่งงานมาสามีก็นำพาเราเจอแต่ความลำบากในหลายอย่าง ขอเรียนพระอาจาร์ยว่าหนูหมดสิ้นหนทางในชีวิตจริงๆๆจะเลิกกับสามีที่บ้านก็ซ้ำแถมไม่เอาลูกของหนูทนอยู่สามีเขาก็บอกตลอดเขาไม่ได้รักหนูหนูก็หมดรักสามีทนเพราะลูกชีวิตตอนนี้ทุกทางเข้ามาหมดหนูอยากจะพอแล้วกับชีวิตอยากตายพร้อมลูกแต่ทำเขาไม่ลงค่ะ ช่วยชี้ทางหนูที
ความต้องการ
ช่วยชี้ทางสว่างในการแก้ปัญหาให้หนูทีค่ะ
ชื่อผู้ถาม
นางสาวรุ่งฟ้า
วันที่เขียน
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 14:09:25
จำนวนคนเข้าดู
1291

คำตอบ

คำตอบที่ 1
การเกิดมาเป็นคน ต้องมีปัญหา  และมีกันทั้งนั้น ทุกคนแหละ มันอยู่ที่ว่า มีแล้ว แต่ละคนแก้อย่างไร   แก้ถูกวิธีไหม หรือว่าสร้างปัญหาซ้ำซ้อนไปเรื่อย ๆ  

คนที่ไม่มีปัญหาเลยนั้น ไม่มีหรอก  เราต้องมองชีวิตในแง่บวก มองเป็นการเรียนรู้  กล้ามองทุกอย่างตามความเป็นจริง ไม่เข้าข้างตัวเองหรือใคร ๆ  และพัฒนาตัวเองต่อ ๆ ไป 

ชีวิตคือปรากฎการณ์ชั่วคราว ชีวิตคนเรานี้สั้นมาก ๆ จงใช้ชีวิตนี้สร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับตนเอง คนอื่น สังคมและโลก ทำให้เต็มที่จนสุดความสามารถของเรา 

ชีวิตคนเรา มีสุข มีทุกข์ มีได้ มีเสีย คละเคล้าผสมปนเปไปทุกวัน สิ่งนี้เป็นธรรมดา เพราะสติ เพราะปัญญาของคนเราไม่ได้เต็มเปี่ยมตลอดเวลา

เมื่อมีชีวิตอยู่ จงพร้อมเผชิญทุกเหตุการณ์ทั้งสิ่งที่เราชอบ และไม่ชอบ ผิดหวังและสมหวัง

ไม่ท้อท้อ ไม่สิ้นหวัง อดทน สงบจิต ตั้งใจ ฝึกใจให้มั่นคง แล้วลุยเดินหน้าต่อไป
การฝึกจิต ฝึกสติตลอดเวลา จะทำให้เราเผชิญกับทุกสิ่งอย่างได้ดี


1. เรื่องเรากับสามี ถ้าไม่รักกัน  ไม่ชอบกันแล้ว อยู่ด้วยกันก็เอาแต่ทะเลาะวิวาทด่าว่ากัน แบบนี้ชีวิตคู่ไม่ดีเลย อยู่กันต่อไป ก็จะสร้างเวรกรรมต่อกันหนักขึ้นเรื่อย ๆ  

แต่ถ้าเรายังไม่พร้อมนัก ถ้ายังพึ่งพาอาศัยกันได้อยู่ ก็ควรอดทนอยู่กันไปอีกสักระยะ และเตรียมการวางแผนให้ดี เมื่อเราพอจะเลี้ยงลูกเองได้แล้ว ก็ค่อยตกลงเลิกรากันก็ได้จะดีกว่า และแบ่งปันทรัพย์สินทุกอย่างให้ลงตัว แล้วไปใครไปมัน   แต่เราต้องเลี้ยงลูกเอง อย่าทิ้งลูก ไม่ว่ากรณีใด ๆ และอย่าไปคาดหวัง อย่าไปขออะไรจากเขา  

เรื่องเด็กที่เขาเกิดมาแล้วพบเจอสภาพพ่อแม่แบบนี้ ก็ต้องทำใจ บางทีเด็กเติบโตมาต้องอยู่กับพ่อแม่ที่ทะเลาะวิวาทตบตีกัน อาจโหดร้ายยิ่งกว่าอะไร เพราะมันจะซึมซับไปเรื่อยๆ  เด็กจะขาดความภาคภูมิใจตัวเองและครอบครัว  จะรู้สึกว่า ตัวเองเป็นปัญหาของพ่อแม่

ถ้าสองคนพ่อแม่ไม่สามารถดีต่อกันได้ การเลือกไปทางใครทางมัน แม้ว่าจะดูโหดร้ายกับเด็กในระยะแรก (ที่ต้องขาดพ่อหรือแม่) แต่บางทีก็ต้องเลือก  เพราะมันอาจจะดีกว่า (ทั้งเรา เขา และลูก) ดีกว่ามาทนอยู่ด้วยกันโดยไม่มีความรักใด ๆ ต่อกัน ไม่มีความเคารพใด ๆ ต่อกันแล้ว มีแต่การด่าทอวิวาททำร้ายเท่านั้น

หรือถ้าเราจะไปอยู่กับพ่อแม่เราระหว่างนี้ ก็น่าจะได้ แต่เราก็ต้องอดทนกับคำพูดของญาติ ๆ ของเราให้ได้  อย่าไปสร้างปัญหาซ้ำซ้อนอีก อย่าไปเรียกร้องอะไรจากใคร 

2. เรื่องสามี ถ้าเขาทำงานไม่เป็น ติดเล่น เที่ยว ติดพนัน  ไม่พัฒนาฝีมือตัวเอง ไม่ประหยัด ไม่คิดถึงอนาคต แน่นอน ย่อมจะทำให้คู่ชีวิตยากลำบาก เราต้องมองเขาด้วยความเข้าใจ บางทีเขาอาจไม่มีความสามารถจริง ๆ บางทีเขาไม่สนใจเรียนรู้ ไม่อ่านหนังสือ ไม่สู้ ไม่ลุยงานหนัก  เมื่อเขาทำแบบนี้ ชีวิตก็ต้องเป็นแบบนี้  มันเป็นปกติธรรมดา เมื่อเราไปคาดหวังในตัวเขาไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปคาดหวัง และเมื่อเราและเขาหมดรักต่อกันแล้ว ไม่ต้องการสร้างเวรกรรมต่อกัน ก็ไปทางใครทางมัน ย่อมจะดีที่สุด

3. เรื่องญาติของเรา จริง ๆ เราสามารถไปพึ่งพาอาศัยได้อยู่ เมื่อเรายังไม่มีที่ไป ขอไปอยู่และก็ช่วยงานการเขาให้เต็มที่ ไม่สำออย ไม่พูดมาก ไม่หน้าบึ้ง ไม่ตึงตัง ก็น่าจะเป็นไปอยู่ได้  บางครั้ง เพื่อให้ตัวเราไปรอดได้ ก็ต้องยอมฟัง ทนฟังเขาไปก่อน

4. เรื่องญาติสามี เขาจะพูดอะไร อย่างไร ช่างเขา ไม่ต้องไปสนใจ เราเป็นอย่างไร เรารู้ตัวดีที่สุด 
เราจะดีหรือไม่ดี ไม่เกี่ยวกับปากคนอื่น แต่เราจะดีหรือไม่ดี เพราะการคิด การพูด และการทำของเราเองเท่านั้น ดังนั้น อย่าไปโกรธ เกลียดอะไรเขา คนที่พูดไม่ตรงกับความจริงนั้นน่าสงสารเสียมากกว่า  อย่าไปติดใจ อย่าไปแค้นเคืองอะไรพวกเขา  ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ถือว่าเป็นญาติของลูกเราเช่นกัน 

5. เรื่องลูกสำคัญ  เขาสำคัญที่สุด เขาคือของขวัญจากสวรรค์ เราต้องเลี้ยงดู ดูแล ปกป้องเขาให้ดีที่สุด สุดความสามารถที่แม่คนหนึ่งจะทำได้  เราต้องอดทนกว่าผู้หญิงทั่วไป 1,000 เท่า อดทนกว่าผู้ชายทั่วไป 100 เท่า อย่าไปคิดว่า ลูกคือตัวปัญหา คือภาระ คือตัวถ่วง แท้จริง ลูกนี่เอง เขาเกิดมาเพื่อช่วยชีวิตเรา  เราต้องรักเขาให้มาก ๆ เลี้ยงให้ดี เลี้ยงอย่างมีสติปัญญา ไม่ต้องไปตามใจลูกทุกเรื่องทุกอย่าง แต่ก็ไม่ถึงกับห้ามไปทุกเรื่องเช่นกัน ต้องดูความเหมาะความควร อะไรที่ตรึงเกินไป ก็จะขาด อะไรที่หย่อนเกินไป ก็จะเสียหาย ไม่ดีทั้งนั้น

6. เรื่องการคิดไม่อยากอยู่ อยากตาย ให้ตัดไปได้เลย อย่าไปเสียเวลาคิดแบบนั้นอีก มันเป็นมิจฉาทิฐิ  เป็นทางไม่ก้าวหน้า ไม่เจริญ  เราเป็นแม่คนแล้ว ไปคิดแบบนั้นไม่ได้เลย

คนเรานั้น ไม่ว่าจะมีปัญหา 108 พันอย่าง เราต้องสู้ ลุยต่อไป ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมทำร้ายชีวิตตัวเองและคนอื่น รีบเปลี่ยนความคิดโดยด่วนเลย

ถ้าท้อแท้  อยากตาย ไม่อยากอยู่  ให้นึกถึงแม่สุนัขตัวผอมโซหนังติดโครงกระดูก  มันวิ่งพล่านหากินไปทั่ว เผื่อจะมีอะไรให้ได้แทะได้กินบ้าง  แต่วิ่งทั้งวันก็ไม่มีอะไรให้กินเลย  แต่มันก็ยังวิ่งเอานมเหี่ยว ๆ โตงเตง ๆ นั้นมาป้อนให้ลูกของมัน  นี่คือความรักของแม่ต่อลูก มันยิ่งใหญ่มาก  เราเป็นคน เราต้องคิดได้ดีกว่า และทำได้ดีกว่าแม่สุนัขตัวนั้น

-------------------
ก่อนนอน ให้ฝึกสวดมนต์ แผ่เมตตา  (ต้องฝึกทำ ต้องฝืนทำ ไม่เคยทำก็ต้องทำ) 
ตื่นเช้ามา ก็ฝึกแผ่เมตตา และหมั่นตักบาตรพระบ่อย ๆ ตามกำลังของเรา
และฝึกจิตให้ตัวเองทุก ๆ วัน ตามนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=306
------------------
ธรรมะ แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
ธรรมะ ป้องกันปัญหาได้ทุกอย่าง

จงนำธรรมะมาจัดการชีวิตประจำวันของเรา
ธรรมะมีอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกของเรา ไม่ได้อยู่ไกลเลย
ธรรมะอยู่ที่จิตของเรานี่เอง ไม่ต้องไปหาที่ไหน
รักษาจิตให้ดี มีสติ ไม่ประมาท นี่แหละ มีธรรมะแล้ว


ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะก่อเวร สร้างศัตรู
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะร้อนรน น้อยใจ
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะเสียสูญ เศร้าหมอง
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะอ่อนแอ ร้องไห้
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะทำผิดศีลผิดทำผิดกฎหมายไปเรื่อย จะทุกข์ยากไม่จบสิ้น
ชีวิตที่ขาดธรรมะ จะไม่อยากอยู่ จะอยากตาย


ดูตรงนี้ประกอบ
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=217

และตรงนี้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=200

​และตรงนี้ 
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=286

​และตรงนี้ 
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=289

​และตรงนี้ 
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=210

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=209

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=212

ฟังธรรมะบ่อย ๆ ตามนี้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=news7all
 




 
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 20:28:54
คำตอบที่ 2
อย่าเอาแต่โทษเวรกรรม
อย่าโทษแต่คนอื่น
อย่าโทษแต่ตัวเอง
อดีตคือบทเรียน 
มุ่งมั่นไปสู่อนาคตดีกว่า

ไม่แค้นเคืองใคร
ไม่ติดกับอดีต
สร้างกำลังใจให้ตัวเอง
พึ่งตัวเอง ไม่รอหวังพึ่งใคร
มุ่งมั่นหาความรู้  ฝึกทำ ฝึกเรียนรู้  ทำสินค้าออกขาย ทำขนม ทำอาหารออกขาย 
ชีวิตก็ก้าวหน้าไปได้แน่นอน 
ลุยไปเลย อย่ามัวแต่ร้องไห้ อย่าคร่ำครวญ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 20:30:58
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร