ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ที่บ้านไม่ให้มีแฟน
รายละเอียด
ตอนนี้โยมอายุ18ปีค่ะ.คือมีปัญญาที่บ้านไม่ให้มีแฟนค่ะ ตอนนั้นทางบ้านรู้ว่ามีแฟนเขาก็ถามว่าบ้านอยู่ไหนชื่ออะไรลูกใครแต่พอโยมบอกไปตาก้อห้ามไม่ให้คบให้เลิกไป แต่โยมเลิกไม่ได้ค่ะโยมรักเขามาก แต่โยมก็ยังแอบคบ หลายครั้งที่ตาจับได้ทั้งตีทั้งตบ บอกโยมว่าถ้าไม่เลิกก็ไม่ต้องเรียนต่อโยมเคยพูดเคยถามตาหลายครั้งว่าทำๆมถึงไม่ใก้คบขอคบได้ไหมมันไม่ได้เสียหายอะไรไปไหนก็บอกตาขอตาการเรียนก็ไม่ได้เสียพากันเรียนแต่ตากก็ไม่ยอม โยมทุกข์ใจมากค่ะเรืาองนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจนตอนนี้ก็ยังแอบคบมา1ปี10เดือนได้แล้วค่ะ.แต่ตาก็ยังห้ามจนถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้โยมทำงานช่วงปิดเทอมต้องขอหยุดอาทิตย์ล้ะ2วันเพื่ออีกวันมาอยู่กะแฟนค่ะแต่บอกที่บ้านว่าไปทำงาน โยมก็ไมาได้อยากทำแบบนี้หรอกค่ะแต่ทำไงได้ตาห้ามไม่ไห้เจอหน้าไม่ให้คุยำม่ให้ติดต่อกันโยมทำไมได้ค่ะ.โยมไม่อยากทำแบบนี้เลยค่ะอยากให้ตาปล่อยวางบ้างให้ดข้าใจบ้าง ถ้าเขาไม่บังคับไท่ห้ามก็คงไม่ต้องแอบไปแบบนี้ไปไหนก็ต้องคอยระแวงว่าตาจะมาเจอ คนรุ้จักมาเจอเอาไปบอกตา
ความต้องการ
ขอคำปรึกษาค่ะว่าจะทำไงดีอยากให้ที่บ้านเข้าใจเจตนารมของโยมบ้างอยากให้เข้าใจความรู้สึกโยมบ้าง
ชื่อผู้ถาม
กัลยาณี
วันที่เขียน
12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 22:56:16
จำนวนคนเข้าดู
774

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1. ชีวิตวัยรุ่นหนุ่มสาว ย่อมจะสนใจ ติดใจ และพึงพอใจกับความรักความใคร่ต่อเพศตรงข้าม สิ่งนี้เป็นปกติธรรมดา แต่อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน ยิ่งอายุ15-25 ปี รักกันได้ ก็เบื่อและเลิกกันได้ เพราะแต่ละคนก็ยังศึกษาเล่าเรียนอยู่ พอไปที่อื่น ไปเจอคนใหม่ก็อาจเปลี่ยนความคิดไปก็ได้  เราอย่าไปติดใจตรงนี้นัก อย่าไปเชื่อมั่นนักว่า รักเขามาก จนหยุดหรือเลิกไม่ได้  เมื่อเราอายุมากขึ้นกว่านี้ เราก็จะพบความจริงอีกอย่างว่า ที่ว่า รักมาก ๆ นั้น แท้จริงแล้วคืออะไร 

2. ตา พ่อแม่เราห้าม เพราะเป็นห่วงเรา เกรงว่า จะเรียนไม่จบ  จะท้องแล้วก็เอาลูกมาให้พ่อแม่ตาเลี้ยง เกรงว่า อนาคตของเราจะไปไม่ได้ไกล  ซึ่งก็มีเหตุผลอยู่ มีตัวอย่างอยู่ที่เด็กในวัยเรียน มีแฟน มีคู่แล้ว เรียนไม่จบ ท้องก่อน อายเพื่อน อายสังคม แล้วไปทำแท้งก็มี เอาเด็กไปทิ้งก็มี ทิ้งให้พ่อแม่ตายายเลี้ยงแทนก็มี  

ผู้ชายนั้น ที่ว่ารักเรามาก ๆ นั้นก็ไม่แน่นอน บางทีเขาก็มีคนใหม่ มีคนอื่นที่เราไม่รู้ก็มี พอเรารู้ทีหลังก็รู้สึกแย่ ยอมรับไม่ได้ และทำร้ายตัวเองก็มี ไปทำร้ายคนอื่นต่อไปก็ สร้างบาปกรรมไปเรื่อย 

ฟังตา ฟังแม่ไว้หน่อยก็ดี จะรักกันแค่ไหน รู้สึกดี รู้สึกพิเศษต่อกันแค่ไหน ก็ควรมีขอบเขต ควรรู้จักหักห้ามใจ ไม่ตามใจทั้งตัวเองและตัวเขา  ควรห่าง ๆ ออกมา บอกกัน เรียนให้จบก่อน ทำงานให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน ก็ได้  นี่แหละจะได้พิสูจน์จิตใจของเขาว่า เป็นอย่างไร มั่นคงต่อเราไหม เช่นกัน พิสูจน์ใจเราด้วย ที่ว่ารัก ๆ นั้น จริงไหม หรือว่า พอห่างกัน ไม่กี่เดือนกี่ปี ก็ไปชอบไปรักคนใหม่แล้ว

3. อย่าโกหกพ่อแม่ตายาย ต้องเปิดใจ เปิดเผยความจริง การโกหกว่า ไปทำงาน แต่ไปอยู่กับแฟนนั้น ถือว่า ไม่ดีเลย ผลเสียจะมีมากกว่าผลดี  รีบสารภาพเสีย อย่าแอบ ๆ หลบ ๆ ซ่อน ๆ  

ผู้ชาย ถ้าเขารักจริง เขาก็ต้องกล้าสู้หน้าผู้ใหญ่ฝ่ายเรา  ไม่หลบ ไม่ซ่อน ไม่เห็นแก่ได้ 

4. ควรมุ่งมั่นไปที่การเรียน เรียนให้ดีเลิศ ทำงานให้ดีเลิศ มีเงินเป็นของตัวเอง มีทรัพย์สินของตัวเอง ให้มั่นคง ดูแลตัวเองได้ ดูแลช่วยเหลือแม่ของเราได้ด้วย นั่นแหละ จะดีกว่า

อายุยังน้อยอยู่ อนาคตยังไกล อย่าให้คำว่า "แฟน" คนรัก รักเขามาก" มาทำให้ชีวิตสะดุดลง
ระวังตัวเอง รักษาตัวเอง รักษาคุณค่าตัวเอง พ่อแม่ญาติของเรารักเรา ห่วงเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขาอยากให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต เขาไม่ได้คิดในแง่ร้ายอะไรหรอก  

สุดท้าย ตัวเราต้องเตือนตัวเอง หักห้ามตัวเอง พึ่งตัวเอง เพราะแท้จริงแล้ว ที่พี่งอื่นที่ดีที่สุดของเราไม่มี นอกจากตัวเราเองเท่านั้น แฟน คนรัก หรือใครอื่น ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ยึดถือไม่ได้ เชื่อมั่นเต็มที่ไม่ได้ มันมีวันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เราไม่คาดคิดได้เสมอ

ดูตรงนี้ประกอบ
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=220

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=205

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=206

------------
การไม่ได้อย่างที่เราต้องการ ก็ไม่ใช่จะแย่ทุกอย่าง 
มันทำให้เราได้ฝึกจิตใจเรา ให้เข้มแข็ง และอดทน 
ฝึกจิตให้ตัวเองตามนี้ จะมีแต่ดีกับดี
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=306

ดูตรงนี้ประกอบด้วย
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=290

และตรงนี้
http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews5&newsid=276
 

 
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 08:26:02
คำตอบที่ 2
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 08:26:34
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร